หนัง: นี่หมายความว่า 5 จอเงินฟอร์มยักษ์ พล็อตสด ที่น่าจับตาดูณศก 2015

นี่คือ 5 หนังฟอร์มยักษ์ พล็อตใหม่ ที่น่าจับตาแห่งปี 2015

เรื่องแรก Chappie

นับว่าเป็นผลงานตัวอย่างหนังใหม่เรื่องล่าสุดของผู้กำกับการแสดงหนัง นีลล์ บล็อมแคมป์ ที่ได้สร้างผลงานหนังสัตว์ประหลาดเรื่องเยี่ยมอย่าง District 9 พร้อมด้วยหนหนังเรียกร้องมนุษยธรรมอย่าง Elysium มาแล้ว

แต่ทว่า Chappie จักแจ้งให้ทราบเล่าเรื่องราวของแชปปี้หุ่นยนต์ที่เกิดมามีความคิดอ่านไม่ต่างจากเด็กน้อยคนหนึ่ง ทว่าโชคเล่นตลกทำให้มันโดนอาชญากรจับตัวไปพร้อมทั้งกลายเป็นสมาชิกที่ไม่สมประกอบ แต่ยิ่งเติบโตขึ้นแชปปี้กลับฉายแววบางอย่างออกมา

เรื่องที่สอง Tomorrowland

นี่เป็นหนังมาใหม่ผลงานการกำกับของ แบรด เบิร์ด ซึ่งได้ทะลุทะลวงหนังบล็อกบัสเตอร์มาจาก Mission Impossible 4 ที่จะสาธยายเล่าเรื่องราวของ เด็กสาวฮิวจ์ ลอว์รี่ เด็กหญิงที่บังเอิญได้พบกับเข็มกลัดวิเศษเพราะบังเอิญทำให้เธอเดินทางไปยังแดนมหัศจรรย์อย่างทูมอโรว์แลนด์ได้

โดยที่เธอไม่รู้เลยว่าในโลกที่สวยงามนั้นมีอันตรายพร้อมด้วยความลับอีกมากมายซ่อนอยู่ หนังได้นางเอกบริทท์ โรเบิร์ทสัน แสดงร่วมกับจอร์จ คลูนีย์

เรื่องที่สาม Inside Out

โปรแกรมหนังซึ่งการได้กลับมาของพิกซาร์ซึ่งครั้งนี้จักกลับมาดังเปรี้ยงอีกครั้งไม่ใช่หรือไม่ภายหลังช่วงหลังๆ หนังของค่ายนี้กลับซบเซาในเรื่องของเสียงวิจารณ์พอสมควร

ตัวหนังเล่าเรื่องของ ไรลีย์ ที่เป็นเด็กหญิงขึ้นมาจากชีวิตแบบตะวันตกตอนกลาง ครั้นพ่อของเธอต้องบุกเบิกงานใหม่ในซาน ฟรานซิสโก เช่นเดียวกับเราทุกคน ไรลีย์ถูกชักนำด้วยอารมณ์ต่างๆ ของเธอ

1. ความสุข หรือไม่ก็ เอมี่ โพเลอร์
2. ความกลัว หรือ บิล เฮเดอร์
3. ความโกรธ เหรอ ลิววิส แบล็ค
4. ความน่ารังเกียจ หรือไม่ มินดี้ คาร์ลลิ่ง 
5. ความเศร้า ไม่ก็ฟิลลิส สมิธ

ซึ่งอารมณ์ทั้งหมดจึงต้องช่วยให้เธอตัดผ่านชีวิตในแต่ละวันไปได้ นี่เป็นผลงานของพีท ด็อกเตอร์เจ้าของแอนิเมชั่นสุดประทับใจอย่าง

เรื่องที่สี่ Crimson Peak

เพราะว่าหนังสยองขวัญแฟนตาซี ที่เล่าเรื่องราวของ อีดิธ ครัชชิง เธอเป็นนักเขียนสาว ที่ต้องพบกับความน่ากลัวที่ซุกซ่อนอยู่ในตัวสามี พร้อมกับเบื้องหลังตัวตนสุดลี้ลับ ที่เธอเองก็ไม่เคยรู้มาก่อนตัวหนังจะเน้นความน่ากลัวในคฤหาสน์เก่าๆ

อีกทั้งยังได้ดารามากฝีมืออาทิ
เจสสิกา แชสเทน
ทอม ฮิดเดิลสตัน
จิม เบรเวอร์
มีอา วาซิโควสกา
ชาลี ฮันแนม

พร้อมกับนี่เป็นผลงานการกำกับของ กิลเลอร์โม เดล โตโรจากเรื่อง Pacific Rim

และเรื่องสุดท้าย Midnight Special

นี่เป็นรอบหนังแนวไซไฟ - ดราม่า ที่ปริปากเล่าการเดินทางของคู่พ่อลูกที่ต้องหลบหนีการตามล่า ตราบพ่อพบว่าในอดีตจนถึงเขายังเด็กนั้นตนมีพลังพิเศษและมันยังหลับใหลอยู่ในตัว เป็นผลงานการกำกับของเจฟฟ์ นิโคลที่ทำหนังดาร์คๆ เกี่ยวกับอารมณ์มนุษย์อย่าง Mud และ Take Shelter ตัวหนังจะได้นักแสดงอย่าง

1. โจเอล เอ็กเกอร์ตัน
2. แซม เชฟเพิร์ด
3. คริสเทน ดัสน์

มาร่วมแสดงด้วย

ชมตัวอย่างหนังใหม่: อัพเดทความเคลื่อนตัวไหวสิ่งจอเงิน AVENGERS: AGE OF ULTRON

มาดูอัพเดทความเคลื่อนไหวของหนัง AVENGERS: AGE OF ULTRON

ก็เรียกได้ว่าทางค่ายหนังมาร์เวลเอง นั้นได้ ยอมข่าวสารรวมไปถึงภาพถ่าย คอนเซปอาร์ทด้วยกันภาพจากตัวหนังออกมาอย่างไม่ขาดสาย เรียกได้ว่าเป็นการปลุกกระแสไปในตัว ภาพล่าสุดที่ อนุญาตออกมานั้นเป็นภาพที่เดอะฮัลค์กำลังประจันหน้ากับไอรอนแมน นอกเหนือไปจากนี้ยังเป็นภาพของบรรดาคาแรกเตอร์ในหนังกำลังออกท่าทางต่างๆ มากมาย

ซึ่งอย่างไรก็ตามตัวอย่างหนังใหม่สิ่งที่น่าสนใจไม่แพ้กันก็คือบทบาทของวายร้ายในหนังภาคใหม่ซึ่งตัวละครอัลตรอนที่รับบทบาทนี้เพราะว่า เจมส์ สเปนเดอร์ นั้น มีความเป็นมาคือมันเป็นจักรกลที่มาจากการทดลองของโทนี่ สตาร์ค แต่จากความผิดพลาดทำให้มันมีความคิดอ่าน ด้วยกัน มองว่าเหล่ามนุษย์เป็นศัตรู กับความพยายามในการอัพเกรดตัวเองนั้นเพื่อให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น ไม่แค่เท่านี้อัลตรอนยังพยายามรวบรวมกองทัพหุ่นยนต์โดรนในการจัดการกับระบบคอมพิวเตอร์, เครือข่ายเนตเวิร์ค และแผนของมันจักลุล่วงก็ต่อเท่าที่มนุษยชาติสูญสิ้นเผ่าพันธุ์

ในส่วนฮีโร่อีกคนที่มี ความสำคัญในหนังภาคนี้ก็คือ วิชั่น ซึ่งรับบทเพราะว่า พอล เบตตานี่ ปูมหลังคร่าว ๆ ของตัวละครนี้ในเวอร์ชั่นหนังสือการ์ตูนนั้นมันเกิดจากการสร้างของอัลตรอน ทว่าในเวอร์ชั่นหนังนั้นมีการดัดแปลงให้ตัวละครนี้ได้รับการโปรแกรมใหม่จาก โทนี่ สตาร์ค พร้อมด้วย บรูซ แบนเนอร์ และเพิ่มความทำเป็นในการบินได้ ทำเป็น ช่างลำแสงพิเศษ รวมถึงเปลี่ยนรูปร่างได้ด้วย วิชั่นพยายามจักพิสูจน์ตัวเองว่าเขาอาจเป็นฮีโร่ได้เพราะว่าการร่วมพวกอเวนเจอร์เพื่อต่อกรกับวายร้ายอย่างอัลตรอนด้วย

ซึ่งไม่แทบเท่านี้รูปภาพหนังเข้าใหม่ล่าสุดก็คือบทบาทของตัวละคร ดร โช ซึ่งรับบทบาทนี้เพราะว่าคลาวเดีย คิม

เหตุด้วยพล็อตเรื่อง ของหนังภาคใหม่คือ โทนี่ สตาร์ค ต้องการที่จะปัดฝุ่นโครงการเพื่อสันติสุขของชาวโลกขึ้นมาอีกครั้ง

แต่ว่ามันไม่ได้เป็นไปอย่างที่คาดไว้ พร้อมกับเหล่าซูเปอร์ฮีโร่ผู้ทรงพลังอย่าง

1. ไอรอนแมน
2. กัปตันอเมริกา
3. ธอร์
4. ดิ อินเครดิเบิ้ล ฮัลค์
5. แบล็ค วิโดว์ 
6. ฮอว์คอาย 

นั้นต้องเผชิญกับบทประลองอันยิ่งใหญ่เพราะว่ามีชะตากรรมของโลกแขวนอยู่บนเส้นด้าย จนกระทั่ง อัลตรอน สุดยอดวายร้ายได้ถือกำเนิด มีเท่าเหล่าอเวนเจอร์สเท่านั้นที่จะอาจหยุดยั้งเขากับแผนการอันชั่วร้ายของเขาได้ ความวิตกกังวลของเหล่าซูเปอร์ฮีโร่ยอดนักสู้พร้อมกับการกระทำที่ไม่คาดคิดได้นำไปสู่มถ้าหากาพย์การผจญภัยระดับโลกที่ไม่มีใครเหมือนเช็ครอบหนังเพิ่มเติมได้ที่นี่ http://xn--12cmad7fk7bcnb3gc0fe3una1a6g.blogspot.com/

เช็ครอบหนัง รักใคร่ชอบพอหมดแก้ว Love on The Rock ชีวิตินทรีย์มันแผลบแสนเกรียน

บทวิจารณ์หนัง รักหมดแก้ว Love on The Rock ชีวิตมันแสนสั้น

เช็ครอบหนัง: เพราะว่าบางคนอาจจักตั้งคำถามว่าถ้าหากตัวเองไม่ได้เป็นคนกินเหล้าหรือว่าอยู่ในกลุ่มเพื่อนที่ชอบออกไปสังสรรค์กับกลุ่มเพื่อนในยามวิกาลแล้วจักยัง มีอารมณ์ร่วม ไปกับหนังเรื่องนี้เหรอเปล่า อันที่เป็นแน่แท้ตัวหนังเรื่องนี้ก็ไม่ได้มีความเฉพาะกลุ่มขนาดนั้น เป็นแน่แท้อยู่ที่เหตุการณ์หลักๆของมันจะเกิดขึ้นกับสังคมในวงสุรา แต่ในขณะเดียวกันตัวหนังก็ยังพูดถึงเรื่องราวความรักของ
หนุ่มสาว - มิตรภาพระหว่างกลุ่มเพื่อน - การเรียนรู้ชีวิตเปลี่ยนชีวิตและคำแจ้งให้ทราบเล่าของคนอื่น

รวมไปถึงการเก็บเกี่ยวประสบการณ์อันมีค่าของแต่ละคนด้วย

เพื่อตัวหนังเผยเล่าเรื่องราวของ ไฟเลี้ยว ใช่ไหม พิไลพร สุปินชมภู หญิงสาวรักอิสระกับไม่ต้องการจะถูกผูกมัดใดๆ เธอคิดว่าความรักที่ดีด้วยว่าตัวเองนั้นคือการที่ต่างฝ่ายต่างจะต้องเว้นช่องว่างระหว่างกันไว้จนไม่น่าอึดอัดไม่ก็ห่างเหินกันมากจนเกินไป

ถึงแม้ว่าตลอดชีวิตเธอจะผิดหวังมาเพราะว่าตลอดจนกระทั่งเธอได้เจอกับ บั๊กโจ้ หรือไม่ ณปรัชญ์ รัตนนิตย์ หนุ่มตี๋หน้างงโลก เจ้าของร้านเหล้าที่ขอเงินพ่อตัวเองมาเปิด เหมือนเป็นสถานที่เอาไว้สังสรรค์กับเพื่อนฝูง เขาดูไม่คิดจะแท้จังอะไรกับชีวิตเพราะคิดว่าอนาคตยังอีกยาวไกลพร้อมทั้งเวลาก็เหมือนเป็นสิ่งที่ไม่มีวันหมด

เพราะประเด็นเรื่องการคบกันแบบหลวมๆ จึงถูกพัฒนาและชี้ให้เห็นว่าอันที่ครันแล้ว ความรักแบบมีช่องว่าง ก็มีปัญหาพร้อมทั้งความขัดแย้งในตัวเองอยู่ ครั้นเมื่ออันที่แท้จริงแล้วการที่คนสองคนอยู่ใกล้ชิดกัน ซึ่งในเรื่องเปิดเผยให้เห็นว่าทั้งไฟเลี้ยวพร้อมด้วยบั๊กโจ้อาศัยอยู่ด้วยกัน ในช่วงเวลาที่แต่ละคนอยู่คนเดียวก็ยังมีการแสดงออกถึงความเป็นเจ้าของกันและกันอยู่ดี ทั้งความผูกพันของคนสองคนย่อมเกิดขึ้นมาอยู่แล้วอย่างไม่อาจจักหลีกเลี่ยง ทำให้การ คบซ้อน ของทั้งสองฝ่ายทำให้ต่างฝ่ายต่างเปรียบเทียบ คนใหม่ ของกันกับกันอยู่ในที

ซึ่งในขณะที่ฝ่ายหญิงกลายเป็นตัวละครที่พยายามจะสะท้อนสภาวะความไม่แน่นอนของการใช้ชีวิตคู่เธอเลยไม่กระหายจะกระโจนลงไปในสิ่งที่เธอหวาดกลัวว่า ถ้าสมมตเธอเองตบปากและรักใครสักคนอย่างหมดหัวใจแล้ว เธอจะไม่ผิดหวัง ไฟเลี้ยวจึงเฟุ้งเฟื่องกจักเพลย์เซฟตัวเองด้วยการทำให้เจ็บปวดน้อยที่สุด ซึ่งหารู้ไม่ว่าสิ่งที่เธอกำลังทำอยู่นั้นก็สร้างความเจ็บปวดให้กับตัวเองไม่พ่ายกัน

พร้อมด้วยถึงแม้ว่าความรักระหว่างคู่ พระ - นาง นั้นจะว้าวุ่นแค่ไหน แต่สิ่งที่น่าสนใจไม่ปราชัยกันในตัวอย่างหนังใหม่เรื่องนี้ก็คือบรรดาสังคมในวงเหล้าซึ่งประกอบไปด้วย

1. พี่อุ๊ หรือไม่ มาช่า วัฒนพานิช ที่เป็นเจ๊ใหญ่ในวงเหล้า เต็มที่ในทุกวันกับชีวิต
2. พี่แมน หรือ ปองศักดิ์ รัตนพงษ์ ที่เป็นเกย์แมนพูดจาตรงไปตรงมีมีความคิดสวนทางกับพี่อุ๊เสมอ
3. พี่โบ้ รหือ ปองกูล สืบซึ้ง เขาเป็นรุ่นพี่ร่างใหญ่ที่เป็นเหมือนศาลพระภูมิในวงเหล้า
4. พี่นุ หรือไม่ก็ เอ็ม บุดดาเบลส ทายาทลูกเศรษฐีที่ชอบแต่งตัวเป็นฮิปสเตอร์
5. เจ๊ด หรือไม่ สงกรานต์ The Voice เขาเป็นหนุ่มเซอร์สุดเสี่ยว ที่เคยจีบไฟเลี้ยวแต่ไม่ติด
6. ญาญ่า หรือไม่ก็ แอน โพลิติก เพื่อนสนิทแสนสุภาพของไฟเลี้ยว

ซึ่งความโดดเด่นอย่างหนึ่งของหนังเรื่อง รักหมดแก้ว นั้นก็คือช่วงเวลาที่หนังให้เราได้เห็นการอยู่รวมกันของคณะสุราที่กลุ่มเพื่อนจักพูดคุยกันอย่างสนุกสนานจนเราเกือบลืมไปเลยว่าบุคคลิกลุ่มนี้กำลังแสดงหนังเข้าใหม่ในเราดูอยู่

พร้อมทั้งความเป็นกันเอง ของตัวละครจึงทำให้ผู้ชมเปรียบเสมือนเป็นเพื่อนอีกคนที่ได้เฝ้ามองพวกเขาเล่าชีวิตอันน่าตื่นเต้น ฝาดโผนพร้อมด้วยน่าผิดหวังไปพร้อมๆ กัน

ดังนั้นเรื่องย่อละครจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จนกระทั่งมีเพื่อนสักคนในกลุ่มเกิดจะเจ็บไข้ได้ป่วยหรือไม่สบายกะทันหันจนท้ายที่สุดแล้วเพื่อนคนดังกล่าวจะจากเราไปอย่างไม่มีวันกลับ พร้อมด้วยถึงแม้ว่าเพื่อนคนอื่นๆ จะเศร้าแค่ไหน จุดหักเหของชีวิตใครสักคนย่อมทำให้อีกหลายคน คิด ต่อไปอีกว่าชีวิตของเราล่ะจักเดินหน้าไปอย่างไรกันต่อดีก็เพราะว่าท้ายที่สุดแล้วคนเราก็ต้อง เลือเลื่องก ในสิ่งที่ดีที่สุดให้กับชีวิตตัวเอง และสุดท้ายเราก็จะได้เรียนรู้จากประสบการณ์ของตัวเองโดยที่ไม่มีใครมาสอนเราได้ด้วยเช่นกัน

@พริตตี้ปลาสลิด

3.5 คะแนนจาก 5 คะแนน

ข่าวสารหนัง 007 Spectre โดนมือดีแฮ็ค และ รอบหนังStand by Me: Doraemon

ครั้งบท 007 Spectre โดนแฮ็ค นั่นทำให้ทีมงานต้องรีบแก้ไขโดยด่วน

เพราะว่าหลังจาก จนกระทั่งวันที่ 4 ธันวาคม 2557 ที่ทะลุทะลวงมา ทางผู้อำนวยการสร้างหนังจอเงิน 007 เจมส์ บอนด์ ไมเคิล จี วิลสัน พร้อมด้วย บาบาร่า บร็อคเคอรี่ นั้นได้ประกาศชื่อตอนของจอเงิน 007 เจมส์ บอนด์ อย่างเป็นทางการ กับภาคใหม่ล่าสุดที่มีชื่อว่า SPECTRE โดยที่มีผู้กำกับหนังจากภาคก่อน แซม แมนเดสมากุมบังเหียนอีกครั้ง พร้อมทั้ง แดเนียล เคร็ก ก็ยังคงกลับมารับบทบอนด์เป็นครั้งที่ 4 อีกตามเคย

ซึ่งทางกองถ่ายจะตั้งต้นต้นขึ้นตั้งแต่วันจันทร์ที่ 8 ธันวาคม 2557 และจักมีกำหนดเข้าฉาย วันที่ 6 พฤศจิกายน 2558 โดยที่โปรแกรมหนังเหล่าดารานำที่จักตบเท้าเข้าร่วมแสดงก็ได้แก่

1. คริสตอฟ วอลท์
2. ลีอา เวย์ดูซ์
3. เดฟ บัลทิสต้า
4. โมนิก้า เบลลุคซิ
5. แอนดรูวส์ สก็อตต์

เช่นแต่ ว่าครั้นไม่กี่วันที่สร้างผ่านมาทางโซนี่ก็ต้องกุมขมับครั้งใหญ่ ตราบใดบทหนังของหนังภาคล่าสุดนั้นเกิดรั่วไหลเพราะว่าโดนแฮ็คเกอร์นำมาปริปากแพร่ต่อ ซึ่งในบทภาพยนตร์นั้นมีการกล่าวถึงจุดสำคัญของเรื่องไม่ว่าจักเป็นฝาหลัง – พร้อมทั้งชื่อตัวละคร นั้นลามไปถึงจุดหักมุมของเรื่องที่สำคัญมาก ซึ่ง 100 หน้าของบทที่รั่วออกมานั้นเต็มไปด้วยฉากแอ็คชั่นและพล็อตตัวละครที่เรียกได้ว่าทั้งตัวละครเลือเลื่องดเก่าและใหม่คละเคล้ากันไป

ซึ่งถ้าใครยังไม่กระหายรู้จุดรั่วไหลของหนังภาคล่าสุดขอแนะนำว่าให้เลิกอ่านจากจุดนี้ไปครับ

เพราะที่ในภาคนี้บอนด์จะริเริ่มตั้งคำถามถึงอนาคตของตัวเองภายหลังการจากไปของ M ใช่ไหม จูดี้ เดนท์ ในภาคก่อน ส่วน ลีอา เวย์ดูซ์ นั้นจักมารับบทเป็นลูกสาวของ M คนก่อน ด้าน แอนดรูวส์ สก็อตต์ จะมารับบทศัตรูของ คนใหม่ ราฟท์ ไฟนน์ ส่วนโมนิก้า เบนลุคซิ น่าจักกลายเป็นสาวบอนด์ฝั่งตัวร้ายที่มีเอี่ยวกับฝ่ายก่อการร้าย

ด้วยกันในตัวบทหนังใหม่นั้นเขียนโดย 1.จอห์น โลแกน , 2.นีล เพอร์วิส และ 3.โรเบิร์ต เวด

ปางแต่ว่าหลังจากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นทางสตูดิโอ MGM จึงต้องหาทางแก้ไขเป็นการด่วนพร้อมกับอาจจะมีการปรับแก้บางส่วนของหนังใหม่เลยทีเดียว

การ์ตูนเรื่อง Stand by Me: Doraemon จากวันที่เรารู้จักกันจนวันลาจาก

เพราะว่าหลังจากที่ตัวอย่างหนังใหม่ Stand by Me ได้หยิบช่วงเวลาของโดราเอมอน ในโมเมนต์สำคัญเพราะว่าจักเล่าเรื่องราวตั้งแต่ช่วงเวลาที่โดราเอมอนได้เดินทางมายังช่วงเวลาของโนบิตะเพื่อช่วยเหโจษจันในการเปลี่ยนแปลงอนาคตข้างหน้า

ซึ่งโนบิตะ นั้นจักได้รู้จักกับของวิเศษต่างๆ นา ไปจนถึงโนบิตะจะต้องเดินทางไปยังโลกอนาคตเพื่อช่วยเหร่ำลือโนบิตะในตอนโตพร้อมด้วยช่วยเหร่ำลือ ชิซูกะ ระหว่างตอนี่เธอกำลังลำบาก พร้อมด้วยช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดคือตอนนี่โนบิตะจักต้องลาจากจากโดราเอมอนเพื่อกลับโลกอนาคต

พร้อมด้วยตัวหนังเรื่อง Stand by Me : Doraemon ซึ่งได้ผู้กำกับหนังชาวญี่ปุ่นชื่อดังอย่าง ยามาซากิ ทาคาชิ ที่มีความโดดเด่นในการเล่าเรื่องราวสุดกินใจใน Always: Sunset on the Third Street ทั้งสามภาค ซึ่งตัวเขาเองก็เป็นแฟนหนังสือการ์ตูนโดราเอมอนมาอย่างยาวนานจนเขาต้องเอ่ยปากยอมรับว่าสุทธิๆ แล้วผลงานงานหลายๆเรื่องของเขานั้นได้รับอิทธิพลอย่างมากจากผลงานของ ฟูจิโกะ เอฟ ฟูจิโอะ อาทิเช่นหนังเรื่อง Juvenile

ด้วยความแตกต่างระหว่างโดราเอมอนในเรื่อง Stand by Me : Doraemon กับโดราเอมอนในตอนยาวๆ แบบอื่นๆ ที่มักจะออกฉายเป็นประจำทุกๆ ปีนั้นอยู่ตรงที่ครั้งนี้งานด้านภาพจักถูกออกแบบมาเป็น 3D พร้อมด้วยมีการเขียนพล็อตเรื่องขึ้นมาใหม่

เพราะที่ทางกลุ่มงานหนังออนไลน์โปรดิวเซอร์นั้นก็ต้องเจรจากับทางฟูจิโกะโปร ผู้ถือลิขสิทธิ์โดราเอมอน ทำให้กรุ๊ปงานต้องส่งพล็อตเรื่องไปให้พิจารณา แต่ท้ายที่สุดแล้วกรุ๊ปงานก็ได้รับไฟเขียวให้กลายเป็นจอเงินขนาดยาวได้ทันที

สำหรับตัวหนังแล้วจักถูกดัดแปลงมาจากหนังสือการ์ตูนทั้งสิ้น 7 เล่มประกอบไปด้วย

1. ผู้มาจากโลกอนาคต
2. ชิซูกะจังในไข่
3. ชิซูกะจังลาก่อน
4. ความโรแมนติกบนภูเขาหิมะ
5. คืนก่อนงานแต่งงานของโนบิตะ
6. ลาก่อนโดราเอมอน
7. โดราเอมอนกลับมาแล้ว 

ซึ่งเป้าหมายแน่ๆๆ ของการทำหนังเรื่องนี้ก็คือการเชิญชวนให้ผู้ใหญ่ที่เติบโตมากับโดราเอมอนกลับมาเพื่อเข้าโรงหนังและระลึกความหลังไปพร้อมๆ กัน

เช็ครอบหนัง: ลงมาทรรศนะตัวอย่างหนังใหม่ที่จะเข้ามาให้สังเกตกันพฤกษ์ปีหน้ากันไม่นานเจริญกว่า

มาลองย้อนรอยหนังเรื่อง Night at the Museum

ซึ่งถ้าจักพูดถึงหนึ่งในหนังยอดได้รับความนิยมประจำปี 2006 ซึ่งอันที่แท้แล้วต้นกำเนิดของหนังเรื่องนี้มาจากหนังสือนิทานเพราะเด็กในปี 1993 ซึ่งเขียนโดย มิลาน เทรนซ์ ได้แสดงเล่าเรื่องราวของคุณพ่อที่สมัครงานเข้ามาทำหน้าที่เป็นยามดูแลพิพิธภัณฑ์กะดึกและค้นพบว่านิทรรศการจัดแสดงเหล่านี้ดันมีชีวิตได้ยามวิกาล ตัวหนังกำกับเพราะชอนน์ เลวี่ ด้วยกัน เป็นได้ทำเงินไปได้ทั้งสิ้นถึง 574 ล้านเหรียญสหรัฐ

เพราะที่เหตุการณ์ในหนังภาคแรกเล่าเรื่องราวของ ลาร์รี่ หรือ เบน สติลเลอร์ คุณพ่อที่เพิ่งหย่าจากภรรยามาหมาดๆ ได้ทำการสมัครทำตำแหน่งยามกะดึก ด้วยกัน ได้พบว่าชาวเผ่ามายัน ที่เป็นนักรบโรมันรวมไปถึงคาวบอยก็ออกมาสู้รบกัน แถมบรรดามนุษย์ยุคหิน นักรบชาวฮั่น ก็ได้เผาฝาหลังของที่จัดแสดงจนเหี้ยน พร้อมทั้งเจ้าโครงกระดูกทีเรกซ์ก็ดันเข้าใจว่าตัวเองเป็นสุนัขเชื่องๆ ตัวหนึ่ง ท่ามกลางความอลม่านสุดๆ ซึ่งมีแต่ประธานาธิบดี ธีโอดอร์ รูสเวลท์ หรือว่า โรบิน วิลเลี่ยมส์ ที่ดูพอจะช่วยเหโจษเขาพร้อมทั้งให้คำปรึกษาได้บ้าง อีกทั้งลาร์รี่ยังต้องยับยั้งแผนการชั่วร้ายของการฮุบพิพิธภัณฑ์นี้อีกด้วย


ด้วยตัวหนังนั้นได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบพิพิธภัณฑ์มาจากพิพิธภัณฑ์แห่งชาติประจำประเทศอเมริกาเหนือ แต่ถูกสร้างขึ้นในโรงถ่ายจำลองอีกที ถึงแม้ว่าหนังภาคแรกอาจจักไม่ได้ถูกปากนักวิจารณ์เท่าไหร่นักส่วนมากคะแนนของหนังจักเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ C+ แต่ทว่ากระแสตอบรับจากผู้ชมที่ส่วนมากเป็นครอบครัวซะส่วนใหญ่ก็ทำให้หนังประสบความสำเร็จจนเกิดภาคต่อขึ้นมาในปี 2009

เพราะที่หนังเข้าใหม่เรื่อง Night at the Museum: Battle of the Smithsonian นั้นคือภาคต่อภาคดังกล่าว เหตุการณ์ให้หลังจากภาคแรก 3 ปี จนถึงลาร์รี่ตัดสินใจลาออกจากการเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยพิพิธภัณฑ์เงินเดือนน้อย ไปเป็น พนักงานผู้ประดิษฐ์คิดค้นผลิตภัณฑ์ แต่ว่าความคิดถึงอาชีพเดิมทำให้เขาต้องกลับมาทำอาชีพเก่า พร้อมกับ ได้พบว่าบรรดาผองเพื่อนจัดแสดงจากภาคแรก กำลังกลายเป็นวัตถุที่ไม่ควรนำมาจัดแสดงอีกหลังจากนั้น รอคอยการส่งไปอยู่รวมกับบรรดาวัตถุโบราณขึ้นหิ้งทั้งหลายที่สถาบันสมิธโซเนี่ยน และทำให้เขาได้พบกับเพื่อนกลุ่มใหม่อาทิ เช่น

1. อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์
2. อับบราฮัม ลินคอร์น 
3. อมีเลีย เอียฮาร์ท เหรอ เอมี่ อดัมส์

ส่วนในภาคที่ 2 ตัวหนังยังได้รับนักแสดงกลุ่มเดิมกลับมาอย่างครบเหล่า เสียก็แต่ว่าคำวิจารณ์กับรายได้น้อยกว่าภาคแรกอย่างเห็นได้ชัด แต่ถึงอย่างนั้นหนังก็ยังทำกำไรให้กับสตูดิโออย่างฟอกซ์จนหลายปีทะลวงไป ปี 2014 ก็มีภาคต่อที่ชื่อว่า Night at the Museum Secret of the Tomb ตามออกมาโกยเงินคนดูอีกครั้ง

พระเอกแชนนิ่ง เททั่ม มาร์ค รัฟฟาโล่ ขอฟิตหุ่น ฝึกมวยปล้ำนาน 4 เดือน เพื่อหนังเรื่อง FOXCATCHER ปล้ำแค่ตาย

เรียกได้ว่าเพราะเป็น ภาพยนตร์ที่สร้างจากเหตุการณ์แน่นอนของ 2 นักแสดงนำของเรื่องเลยก็ว่าได้ ที่ได้จัดเต็มทุ่มเท เพื่อบทบาทที่ได้รับกันแบบสุดตัว เพราะที่ แชนนิ่ง เททั่ม กับ มาร์ค รัฟฟาโล่ นั้นต้องเพิ่มน้ำหนักพร้อมทั้งฟิตร่างกาย กว่า 10 ปอนด์ พร้อมทั้ง ยังต้องเข้าฝึกมวยปล้ำนานกว่า 4 เดือน

เพื่อที่จักได้รับบท มาร์ค กับ เดฟ ชูทส์ 2 พี่น้องแชมป์มวยปล้ำเหรียญทองโอลิมปิค ทั้ง เททั่ม ด้วยกัน รัฟฟาโล่ นั้นต่างก็ไม่มีทักษะด้านมวยปล้ำมาก่อน

พร้อมทั้งนั่นทำให้พวกเขาต้องเรียนรู้ท่าทาง การเคลื่อนไหว เพราะว่าคณะงานได้นำ โค้ชผู้ฝึกสอนนักกีฬาของหมู่ฟ็อกซ์แคชเชอร์ ตัวแท้มาเป็นผู้ฝึกให้ รวมทั้งศึกษาจากวิดิโออีกด้วย แม้ว่า รัฟฟาโล่ จะเคยเล่นมวยปล้ำมาบ้างในยุคมัธยมปลาย แต่เดฟ ชูทส์เป็นคนถนัดซ้าย ซึ่งทำให้นักแสดงหนุ่มต้องลืมทุกอย่างที่เขาเคยรู้ไปให้หมด  ผมขอท้าให้ใครก็ตามที่เคยคิดว่ากีฬาที่พวกเขาเล่นนั้นโหดหินที่สุดแล้วให้มาลองเล่นมวยปล้ำดู

เพราะ แชนนิ่ง เททั่ม นั้นเช็ครอบหนังเป็นแทบคนเดียวในบรรดานักแสดงหลังทั้ง 3 คนที่จักต้องรับบทตัวละครที่ยังคงมีชีวิตอยู่แน่นอนอย่าง มาร์ค ชูทส์ ซึ่งปัจจุบันทำงานเป็นโค้ชมวยปล้ำในโอเรกอน เพราะว่าเขามักจักมาเยี่ยมเยียนกองถ่ายอยู่บ่อยๆ การมีเขาอยู่ด้วยเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมมากครับ พร้อมทั้ง มาร์คตัวจริงปรากฏตัวในฐานะนักแสดงรับเชิญในจอเงินเรื่องนี้ด้วย

เพราะว่าทาง FOXCATCHER หรือว่า ฟ็อกซ์แคชเชอร์ หรือไม่ปล้ำแค่ตาย คือผลงานการกำกับของ

• เบ็นเน็ต มิลเลอร์ จากเรื่อง 1.Capote, 2.Moneyball  

ที่ได้รวมนักแสดงแถวหน้าอย่าง 1.แชนนิง เททั่ม สตีฟ และ 2.คาเรล มาร์ค รัฟฟาโล่ หนังที่สร้างจากเรื่องแท้ของคดีฆาตกรรมที่สั่นสะเทือนไปทั่ววงการกีฬา กับเหตุการณ์สะเทือนขวัญครั้งยิ่งใหญ่ของวงการมวยปล้ำสหรัฐ เรื่องราวของสองพี่น้องนักมวยปล้ำผู้ยิ่งใหญ่ เดฟ มาร์ค รัฟฟาโล่ พร้อมด้วย มาร์ค แชนนิ่ง เททัม ชูทส์ เจ้าของดีกรีเหรียญทองโอลิมปิกและแชมป์มวลปล้ำโลก 2 ระยะเวลา

ที่ต้องทะลวงการดิ้นรนต่อสู้จนกลายมาเป็นสุดยอดนักมวยปล้ำที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในเรื่องราวศาสตร์ แต่ก่อนที่จะได้เป็นเจ้าของเหรียญทองโอลิมปิคระยะเวลาต่อจากนั้น เดฟ ชูทส์ กลับถูกฆาตกรรมลงอย่างเระบือดเย็น

ซึ่งนักวิจารณ์ทั่วโลกต่างก็ยกย่องให้ FOXCATCHER เป็นภาพยนตร์ยอดเยี่ยมแห่งปีซึ่งจะเปิดเปรยเบื้องหลังเหตุการณ์แท้ที่สะเทือนใจคนทั้งประเทศ FOXCATCHER ปล้ำแค่ตาย เข้าชิง 3 รางวัลลูกโลกทองคำ หนังยอดเยี่ยม นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม นักแสดงสบทบชายยอดเยี่ยม 8 มกราคม 2015


ตัวอย่างหนังใหม่ Foxcatcher ปล้ำแค่ตาย Official Trailer HD [ซับไทย]

บทเช็ครอบหนังหลักสำคัญ The Hobbit: The Battle of the Five Armies+Boruto

เรื่องวิจารณ์หนังหัวเรื่อง The Hobbit: The Battle of the Five Armies

ซึ่งแตะขอออกตัวไว้ก่อนว่าจริงๆ แล้ว ว่าข้างตัวไม่ได้ชื่นชอบ หนังไตรภาคของฮอบบิทมากถ้าเทียบเท่ากับข้อความ The Lord of The Ring สักเท่าไหร่ ดังที่ตัวนิยายของ The Hobbit นั้นเอ่ยได้ว่าความแถวสั้นกว่า หนังสือ 1 ภาคสิ่งของหนังเรื่อง The Lord of the ring ด้วยซ้ำไป

พร้อมด้วยงานที่จักนำหนังมายืดขยายให้มีความยาวถึง 3 ภาคนั้นเหตุผลประการเดียวที่ฟังขึ้นที่สุดก็คือการที่สตูดิโออาศัยบุญเก่ากับชื่อของ ปีเตอร์ แจ็คสัน ผู้กำกับในการนำมาสมมุติินเพื่อโกยรายได้ให้กับสตูดิโอเหมือนวอร์เนอร์นั่นเอง

แต่เราก็ไม่ขอปิดประตูข้อความสำคัญความบันเทิงสิ่งหนัง แฟรนชายส์มัชฌิมโลก ถึงทั้งที่ว่าตัวเองจะแอบสัปปะหงกไม่เว้นทั้งสองภาคก่อนที่ตัดผ่านมาก็ตามที พร้อมด้วยถ้าถ้าเอามาเปรียบเทียบกับไตรภาคมสมมุติาพย์แหวนครองพิภพแล้ว ฮอบบิทก็ทั้งมวลเป็นรองในทุกๆ ด้านไม่ว่าจักเป็นความบันเทิงไม่ก็เนื้อหาสาระของตัวเรื่องเองที่คาราวานสถานที่ธำมรงค์นั้นจักมีรายละเอียดในการทำภารกิจมากกว่า การผจญภัยของบิลโบ แบ๊กกินส์

และจักว่าไปแล้วอันที่จริงนั้นเหตุการณ์ของหนังในภาคเรื่อง The Battle of the Five Armies สามารถรวบจบได้ตั้งแต่ The Hobbit: The Desolation of Smaug เพราะว่าว่าภายหลังที่บรรดาแบบคนแคระไปปลุกมังกรสมอว์กให้ระวังขึ้นมาแล้ว

เพราะเนื้อเปลาะต่อจากนั้นก็มีแค่แทบการที่กองทัพทั้ง 5 เหล่าทัพบุกมาเพื่อช่วงชิงทรัพย์สมบัติคืน ซึ่งถ้าว่ากันในเชิงการทำโปรแกรมหนังแล้วเหตุการณ์เหล่านี้เก่งเล่าจบได้ภายในครึ่งชั่วโมง

แต่ว่าก็อย่างที่ได้กล่าวสุนทรพจน์ไว้ตามที่ได้เริ่มต้นนำไว้ว่าด้วยเหตุทางการตลาด ฝาการสู้รบกว่า 45 นาทีที่อัดแน่นไปด้วยฉากแอ็คชั่นจึงจัดเต็มให้ผู้ชมสนุกไปกับการโรมรันกันอย่างบ้าเเลื่องลือด จนเราอาจจักกล่าวได้ว่ามันเป็นผนังรบที่สนุกพร้อมทั้งยาวมากเรื่องหนึ่งในรอบปี 2014 แต่จนกระทั่งเทียบกับองค์ประกอบอื่นๆในหนังแล้ว ภาคนี้ก็แทบจักจัดได้ว่าเป็น ภาคยืด มากกว่าภาคจบ

ซึ่งถึงแม้ว่าทุกอย่างในตัวอย่างหนังใหม่จักล่องลอย ไม่ได้มีเนื้อหาสาระเป็นชิ้นเป็นอัน การเกริ่นเรื่องราวของศัตรูผู้ยิ่งใหญ่อย่างซอรอนที่จะมีบทบาทสำคัญมากในเรื่อง The Lord of the ring ก็เป็นจุดที่น่าสนใจไม่ว่าจะเป็นพล็อตช่วงสั้นๆ ตอนที่เลดี้การาเดรียลเดินทางมาช่วยแกนดัลฟ์ และใช้พลังขับไล่ซอรอนไป รวมไปถึงฉากจบก่อนที่จะเป็นฝาผนังเปิดเรื่องในไตรภาคแห่งแหวนด้วย


เพราะสิ่งที่คิดว่าคุ้มค่าอีกประการก็คือการชมหนังเรื่องนี้ในรูปแบบ 3D รวมไปถึง IMAX ที่เรียกได้ว่างานด้านภาพนั้นค่อนข้างตื่นตาตื่นใจมากๆ ในการรับชมแบบจอใหญ่ยักษ์ เพราะอย่างน้อยใครก็ตามที่ติดตามแฟรนชายส์หนังชุดนี้มานมนาน ปรากฏการณ์แบบนี้ไม่ได้มีกันประจำในโรงจอเงิน

@พริตตี้ปลาสลิด

มอบให้ 3 คะแนนจาก 5 คะแนน

การ์ตูน Boruto - Naruto the Movie เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ว

ภายหลังที่ อาจารย์ คิชิโมโตะ มาซาชิ ได้ให้กำเนิดมาเปิดเล่าจอเงินภาคใหม่ Boruto  Naruto the Movie  อย่างไม่เป็นทางการไปแล้วในงานเปิดฉายภาพยนตร์เรื่อง The Last  Naruto the Movie  ในวันที่ 6 ธันวาคม 2014 ที่ผ่านมา

โดยในคราวนั้นยังไม่มีภาพกับข้อมูลอะไรออกมาให้ดูกันเลย เพราะเป็นการเปิดเปิดปากจากปากเท่านั้น กับในวันนี้ได้มีการเปิดตัวจอเงินอย่างมีชีวิตทางการแล้ว ที่เว็บไซต์ http://www.boruto-movie.com

และเพราะว่าการ์ตูนเรื่อง นารูโตะ แม้ว่าจะอวสานไปแล้วในตอนที่ 700 พร้อมด้วยมีภาพยนตร์ The Last Naruto the Movie คลอดมาเพื่อเสริมเรื่องราวเนื้อความรักของนารูโตะก่อนที่จักแต่งงานด้วยกันมีลูก

ซึ่งแม้ดูจากชื่อก็คิดว่าจักหมดแค่นี้ แต่ดูเหมือนทาง Jump จักยังไม่ใคร่ให้จบลงง่ายๆ ก็เพราะว่ากระแสก็ยังค่อนข้างดีอยู่ จึงมีการดำเนินเรื่องต่อจากนั้นยังรุ่นลูกของนารูโตะแทน

พร้อมกับแม้ใครที่อ่านตอนจบของหนังเข้าใหม่การ์ตูนนารูโตะมาแล้วก็คงรู้จัก Boruto ลูกชายของนารูโตะกันดี ซึ่งจริงๆ แล้วโปรเจคภาคลูกนี้ก็มีการวางแผนทำมานานแล้ว ในชื่อ Naruto's New Era Opening Project ที่เคยเกริ่นไปก่อนหน้านี้

กับเพื่อภาพที่ปรากฎอยู่ในเว็บไซต์ของภาพยนตร์เรื่องย่อละคร Boruto Naruto the Movie น่าเสียดายว่ายังไม่ใช่ภาพใหม่ แต่เป็นการตัดเอาภาพส่วนหนึ่งของการ์ตูนนารูโตะส่วนที่ 700 มาให้เพ่งพิศเท่านั้น ก็เพราะว่ามันสื่อถึงเนื้อหาหลักๆ ในจอเงิน นั่นก็คือการฝึกฝนเป็นนินจาของโบรูโตะ ตามที่นารูโตะได้รับสั่งกับลูกของเขาในการ์ตูนตอนที่ 700 ไว้ว่า พ่อรู้ว่าลูกอาจจักต้องลำบาก แต่ลูกก็ต้องเรียนรู้พร้อมกับอดทน เพราะว่าลูกก็เป็นนินจาประดุจกัน ด้วยกันมีข้อความด้านล่างว่า ยุคใหม่ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว

5 สิ่งน่าจำเก่าเพ่งหนัง The Hobbit: The Battle of the Five Armies

มาดู 5 เรื่องน่ารู้ก่อนดูหนัง The Hobbit: The Battle of the Five Armies

1.ปิดฉากหนังเรื่อง HOBBIT เตรียมกรุยทางสู่เรื่อง The Lord of The Ring

ภายหลังที่ทาง บิลโบ แบ๊กกินส์ พร้อมด้วย เพื่อนๆ นั้นได้ไปปลุกมังกร แห่งสมอว์ก ขึ้นมาโดยไม่ตั้งใจ นั่นทำให้มันโกรธแค้นกับทำร้ายผู้คน ที่ไม่มีทางสู้ในเมืองทะเลสาบด้วยความเดือดแค้น ด้วยความต้องการที่ตะกลามจะไปทวงคืนทรัพย์สมบัติ

นั่นทำให้ธอรินยอมเสียสละมิตรภาพและเกียรติยศเพื่อใส่ร้ายว่าเป็นแผนชั่วของบิลโบ เพื่อทำให้เขาเห็นเหตุผลที่ควรให้ฮอบบิทเดินหน้าถัดไปท่ามกลางความรุนแรงพร้อมด้วยภัยอันตราย แต่กลับมีอันตรายที่โหดร้ายกว่ารออยู่เบื้องหน้า ซึ่งไม่มีใครมองเห็นได้นอกจากพ่อมดแกนดัล์ฟ ศัตรูผู้ยิ่งใหญ่อย่างซอรอนได้เคลื่อนทัพไปพร้อมกับกองทัพออร์คเพื่อแอบซุ่มโจมตีที่หุบเขาเดียวดาย ซึ่งศึกครั้งสำคัญแห่งมิดเดิ้ลเอิร์ธกำลังจักโหมโรงต้นขึ้น

2.ความยาวของรอบหนังเรื่อง The Battle of the Five Armies นั้นสั้นกว่า Transformers 4

ซึ่งหลังจากที่ ปีเตอร์ แจ็คสัน ได้ตัดต่อหนังภาคนี้เสร็จแล้วเป็นที่เรียบร้อย ตัวหนังก็มีความยาว แบบไม่รวมเครดิต ก็คร่าวๆทั้งสิ้น 2 ชั่วโมง 30 นาที ซึ่งจะว่าไปแล้วตัวหนังมีความสั้นกว่า Transformers 4 ถึง 15 นาที ซึ่งตัวผู้กำกับการแสดงจอเงินกล่าวว่าหนังภาคนี้จะมีความเป็นหนังระทึกขวัญมากขึ้น โครงสร้างเรื่องจึงต้องมีความกระชับมากขึ้น

3.ในการทำงานล้วนต้องมีการเปลี่ยนแปลง

ซึ่งแรกตั้งต้นเดิมทีตัวหนังตั้งใจจะสร้างแค่เป็นดูหนังใหม่สองภาคจบ ตัวหนังเลยถ่ายแบบเรียงลำดับความต่อด้วยเหตุที่ 1 ไป 2 พร้อมกับพบว่ามีความยุ่งยากหลายประกาเกิดขึ้นตั้งแต่ผู้กำกับการแสดงหนังอย่าง กิลเยโม เดลโตโร่ ขอถอนตัวออกจากโปรเจ็คไป ซึ่งวันที่ฉายที่ถูกวางเอาไว้อย่างแน่นอนพร้อมทั้งไม่อาจเลื่อนกำหนดได้ สถานที่ในการถ่ายทำไม่เอื้ออำนวย จนกระทั่งวันที่หนังภาคสามเสร็จสมบรูณ์พร้อมฉาย ปีเตอร์ แจ็คสันได้แต่บอกเล่าตัวเองว่า ผมภูมิใจกับผลงานชิ้นนี้จัง

4.ตัวหนังใช้ทุนสร้างถึง 754 ล้านเหรียญเลยทีเดียว

ซึ่งก็ได้กลายเป็นหนังเรื่องแรกที่ปางหารเฉลี่ยให้กับหนังทั้งสามภาคแล้วตกภาคละ 248 ล้าน ซึ่งเป็นกองมาก ในเชิงสถิติแล้ว Pirate of The Caribbean 3 เคยใช้ทุนสร้าง 665 ล้านเหรียญ และ Spider-man ของแซม ไรมี่ ก็มีต้นทุนการสร้าง 597 ล้านเหรียญ

5. ตัวของ Billy Boyd จักมารับหน้าที่ของเพลงปิดท้ายหนังที่มีชื่อว่า The Last Goodbye

เกี่ยวกับเพลง The Last Goodbye ได้ทำการขับร้องเพราะว่าบิลลี่ บอยด์เป็นทั้งการกราบทูลลามิดเดิ้ล เอิร์ธพร้อมด้วยหมายลาผู้ชม เหตุผลที่ทางพวกงานเลือกให้ บิลลี่ บอยด์ ซึ่งร่วมงาน ตั้งแต่แรกเริ่มพร้อมกับเป็นผู้รับบท เพอรีกริน ทุค ในหนังเรื่อง The Lord of The Rings ได้มาช่วยแต่งกับบรรเลงเพลงปิดท้ายผลงานไตรภาคเรื่องนี้ บิลลี่ไม่ได้เป็นแค่นักแสดงที่น่าทึ่งตัวอย่างหนังใหม่ แต่ยังเป็นนักร้องพร้อมด้วยนักแต่งเพลงที่มีความชำนาญมากด้วย