ข่าวสารหนัง 007 Spectre โดนมือดีแฮ็ค และ รอบหนังStand by Me: Doraemon

ครั้งบท 007 Spectre โดนแฮ็ค นั่นทำให้ทีมงานต้องรีบแก้ไขโดยด่วน

เพราะว่าหลังจาก จนกระทั่งวันที่ 4 ธันวาคม 2557 ที่ทะลุทะลวงมา ทางผู้อำนวยการสร้างหนังจอเงิน 007 เจมส์ บอนด์ ไมเคิล จี วิลสัน พร้อมด้วย บาบาร่า บร็อคเคอรี่ นั้นได้ประกาศชื่อตอนของจอเงิน 007 เจมส์ บอนด์ อย่างเป็นทางการ กับภาคใหม่ล่าสุดที่มีชื่อว่า SPECTRE โดยที่มีผู้กำกับหนังจากภาคก่อน แซม แมนเดสมากุมบังเหียนอีกครั้ง พร้อมทั้ง แดเนียล เคร็ก ก็ยังคงกลับมารับบทบอนด์เป็นครั้งที่ 4 อีกตามเคย

ซึ่งทางกองถ่ายจะตั้งต้นต้นขึ้นตั้งแต่วันจันทร์ที่ 8 ธันวาคม 2557 และจักมีกำหนดเข้าฉาย วันที่ 6 พฤศจิกายน 2558 โดยที่โปรแกรมหนังเหล่าดารานำที่จักตบเท้าเข้าร่วมแสดงก็ได้แก่

1. คริสตอฟ วอลท์
2. ลีอา เวย์ดูซ์
3. เดฟ บัลทิสต้า
4. โมนิก้า เบลลุคซิ
5. แอนดรูวส์ สก็อตต์

เช่นแต่ ว่าครั้นไม่กี่วันที่สร้างผ่านมาทางโซนี่ก็ต้องกุมขมับครั้งใหญ่ ตราบใดบทหนังของหนังภาคล่าสุดนั้นเกิดรั่วไหลเพราะว่าโดนแฮ็คเกอร์นำมาปริปากแพร่ต่อ ซึ่งในบทภาพยนตร์นั้นมีการกล่าวถึงจุดสำคัญของเรื่องไม่ว่าจักเป็นฝาหลัง – พร้อมทั้งชื่อตัวละคร นั้นลามไปถึงจุดหักมุมของเรื่องที่สำคัญมาก ซึ่ง 100 หน้าของบทที่รั่วออกมานั้นเต็มไปด้วยฉากแอ็คชั่นและพล็อตตัวละครที่เรียกได้ว่าทั้งตัวละครเลือเลื่องดเก่าและใหม่คละเคล้ากันไป

ซึ่งถ้าใครยังไม่กระหายรู้จุดรั่วไหลของหนังภาคล่าสุดขอแนะนำว่าให้เลิกอ่านจากจุดนี้ไปครับ

เพราะที่ในภาคนี้บอนด์จะริเริ่มตั้งคำถามถึงอนาคตของตัวเองภายหลังการจากไปของ M ใช่ไหม จูดี้ เดนท์ ในภาคก่อน ส่วน ลีอา เวย์ดูซ์ นั้นจักมารับบทเป็นลูกสาวของ M คนก่อน ด้าน แอนดรูวส์ สก็อตต์ จะมารับบทศัตรูของ คนใหม่ ราฟท์ ไฟนน์ ส่วนโมนิก้า เบนลุคซิ น่าจักกลายเป็นสาวบอนด์ฝั่งตัวร้ายที่มีเอี่ยวกับฝ่ายก่อการร้าย

ด้วยกันในตัวบทหนังใหม่นั้นเขียนโดย 1.จอห์น โลแกน , 2.นีล เพอร์วิส และ 3.โรเบิร์ต เวด

ปางแต่ว่าหลังจากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นทางสตูดิโอ MGM จึงต้องหาทางแก้ไขเป็นการด่วนพร้อมกับอาจจะมีการปรับแก้บางส่วนของหนังใหม่เลยทีเดียว

การ์ตูนเรื่อง Stand by Me: Doraemon จากวันที่เรารู้จักกันจนวันลาจาก

เพราะว่าหลังจากที่ตัวอย่างหนังใหม่ Stand by Me ได้หยิบช่วงเวลาของโดราเอมอน ในโมเมนต์สำคัญเพราะว่าจักเล่าเรื่องราวตั้งแต่ช่วงเวลาที่โดราเอมอนได้เดินทางมายังช่วงเวลาของโนบิตะเพื่อช่วยเหโจษจันในการเปลี่ยนแปลงอนาคตข้างหน้า

ซึ่งโนบิตะ นั้นจักได้รู้จักกับของวิเศษต่างๆ นา ไปจนถึงโนบิตะจะต้องเดินทางไปยังโลกอนาคตเพื่อช่วยเหร่ำลือโนบิตะในตอนโตพร้อมด้วยช่วยเหร่ำลือ ชิซูกะ ระหว่างตอนี่เธอกำลังลำบาก พร้อมด้วยช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดคือตอนนี่โนบิตะจักต้องลาจากจากโดราเอมอนเพื่อกลับโลกอนาคต

พร้อมด้วยตัวหนังเรื่อง Stand by Me : Doraemon ซึ่งได้ผู้กำกับหนังชาวญี่ปุ่นชื่อดังอย่าง ยามาซากิ ทาคาชิ ที่มีความโดดเด่นในการเล่าเรื่องราวสุดกินใจใน Always: Sunset on the Third Street ทั้งสามภาค ซึ่งตัวเขาเองก็เป็นแฟนหนังสือการ์ตูนโดราเอมอนมาอย่างยาวนานจนเขาต้องเอ่ยปากยอมรับว่าสุทธิๆ แล้วผลงานงานหลายๆเรื่องของเขานั้นได้รับอิทธิพลอย่างมากจากผลงานของ ฟูจิโกะ เอฟ ฟูจิโอะ อาทิเช่นหนังเรื่อง Juvenile

ด้วยความแตกต่างระหว่างโดราเอมอนในเรื่อง Stand by Me : Doraemon กับโดราเอมอนในตอนยาวๆ แบบอื่นๆ ที่มักจะออกฉายเป็นประจำทุกๆ ปีนั้นอยู่ตรงที่ครั้งนี้งานด้านภาพจักถูกออกแบบมาเป็น 3D พร้อมด้วยมีการเขียนพล็อตเรื่องขึ้นมาใหม่

เพราะที่ทางกลุ่มงานหนังออนไลน์โปรดิวเซอร์นั้นก็ต้องเจรจากับทางฟูจิโกะโปร ผู้ถือลิขสิทธิ์โดราเอมอน ทำให้กรุ๊ปงานต้องส่งพล็อตเรื่องไปให้พิจารณา แต่ท้ายที่สุดแล้วกรุ๊ปงานก็ได้รับไฟเขียวให้กลายเป็นจอเงินขนาดยาวได้ทันที

สำหรับตัวหนังแล้วจักถูกดัดแปลงมาจากหนังสือการ์ตูนทั้งสิ้น 7 เล่มประกอบไปด้วย

1. ผู้มาจากโลกอนาคต
2. ชิซูกะจังในไข่
3. ชิซูกะจังลาก่อน
4. ความโรแมนติกบนภูเขาหิมะ
5. คืนก่อนงานแต่งงานของโนบิตะ
6. ลาก่อนโดราเอมอน
7. โดราเอมอนกลับมาแล้ว 

ซึ่งเป้าหมายแน่ๆๆ ของการทำหนังเรื่องนี้ก็คือการเชิญชวนให้ผู้ใหญ่ที่เติบโตมากับโดราเอมอนกลับมาเพื่อเข้าโรงหนังและระลึกความหลังไปพร้อมๆ กัน

เช็ครอบหนัง: ลงมาทรรศนะตัวอย่างหนังใหม่ที่จะเข้ามาให้สังเกตกันพฤกษ์ปีหน้ากันไม่นานเจริญกว่า

มาลองย้อนรอยหนังเรื่อง Night at the Museum

ซึ่งถ้าจักพูดถึงหนึ่งในหนังยอดได้รับความนิยมประจำปี 2006 ซึ่งอันที่แท้แล้วต้นกำเนิดของหนังเรื่องนี้มาจากหนังสือนิทานเพราะเด็กในปี 1993 ซึ่งเขียนโดย มิลาน เทรนซ์ ได้แสดงเล่าเรื่องราวของคุณพ่อที่สมัครงานเข้ามาทำหน้าที่เป็นยามดูแลพิพิธภัณฑ์กะดึกและค้นพบว่านิทรรศการจัดแสดงเหล่านี้ดันมีชีวิตได้ยามวิกาล ตัวหนังกำกับเพราะชอนน์ เลวี่ ด้วยกัน เป็นได้ทำเงินไปได้ทั้งสิ้นถึง 574 ล้านเหรียญสหรัฐ

เพราะที่เหตุการณ์ในหนังภาคแรกเล่าเรื่องราวของ ลาร์รี่ หรือ เบน สติลเลอร์ คุณพ่อที่เพิ่งหย่าจากภรรยามาหมาดๆ ได้ทำการสมัครทำตำแหน่งยามกะดึก ด้วยกัน ได้พบว่าชาวเผ่ามายัน ที่เป็นนักรบโรมันรวมไปถึงคาวบอยก็ออกมาสู้รบกัน แถมบรรดามนุษย์ยุคหิน นักรบชาวฮั่น ก็ได้เผาฝาหลังของที่จัดแสดงจนเหี้ยน พร้อมทั้งเจ้าโครงกระดูกทีเรกซ์ก็ดันเข้าใจว่าตัวเองเป็นสุนัขเชื่องๆ ตัวหนึ่ง ท่ามกลางความอลม่านสุดๆ ซึ่งมีแต่ประธานาธิบดี ธีโอดอร์ รูสเวลท์ หรือว่า โรบิน วิลเลี่ยมส์ ที่ดูพอจะช่วยเหโจษเขาพร้อมทั้งให้คำปรึกษาได้บ้าง อีกทั้งลาร์รี่ยังต้องยับยั้งแผนการชั่วร้ายของการฮุบพิพิธภัณฑ์นี้อีกด้วย


ด้วยตัวหนังนั้นได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบพิพิธภัณฑ์มาจากพิพิธภัณฑ์แห่งชาติประจำประเทศอเมริกาเหนือ แต่ถูกสร้างขึ้นในโรงถ่ายจำลองอีกที ถึงแม้ว่าหนังภาคแรกอาจจักไม่ได้ถูกปากนักวิจารณ์เท่าไหร่นักส่วนมากคะแนนของหนังจักเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ C+ แต่ทว่ากระแสตอบรับจากผู้ชมที่ส่วนมากเป็นครอบครัวซะส่วนใหญ่ก็ทำให้หนังประสบความสำเร็จจนเกิดภาคต่อขึ้นมาในปี 2009

เพราะที่หนังเข้าใหม่เรื่อง Night at the Museum: Battle of the Smithsonian นั้นคือภาคต่อภาคดังกล่าว เหตุการณ์ให้หลังจากภาคแรก 3 ปี จนถึงลาร์รี่ตัดสินใจลาออกจากการเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยพิพิธภัณฑ์เงินเดือนน้อย ไปเป็น พนักงานผู้ประดิษฐ์คิดค้นผลิตภัณฑ์ แต่ว่าความคิดถึงอาชีพเดิมทำให้เขาต้องกลับมาทำอาชีพเก่า พร้อมกับ ได้พบว่าบรรดาผองเพื่อนจัดแสดงจากภาคแรก กำลังกลายเป็นวัตถุที่ไม่ควรนำมาจัดแสดงอีกหลังจากนั้น รอคอยการส่งไปอยู่รวมกับบรรดาวัตถุโบราณขึ้นหิ้งทั้งหลายที่สถาบันสมิธโซเนี่ยน และทำให้เขาได้พบกับเพื่อนกลุ่มใหม่อาทิ เช่น

1. อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์
2. อับบราฮัม ลินคอร์น 
3. อมีเลีย เอียฮาร์ท เหรอ เอมี่ อดัมส์

ส่วนในภาคที่ 2 ตัวหนังยังได้รับนักแสดงกลุ่มเดิมกลับมาอย่างครบเหล่า เสียก็แต่ว่าคำวิจารณ์กับรายได้น้อยกว่าภาคแรกอย่างเห็นได้ชัด แต่ถึงอย่างนั้นหนังก็ยังทำกำไรให้กับสตูดิโออย่างฟอกซ์จนหลายปีทะลวงไป ปี 2014 ก็มีภาคต่อที่ชื่อว่า Night at the Museum Secret of the Tomb ตามออกมาโกยเงินคนดูอีกครั้ง

พระเอกแชนนิ่ง เททั่ม มาร์ค รัฟฟาโล่ ขอฟิตหุ่น ฝึกมวยปล้ำนาน 4 เดือน เพื่อหนังเรื่อง FOXCATCHER ปล้ำแค่ตาย

เรียกได้ว่าเพราะเป็น ภาพยนตร์ที่สร้างจากเหตุการณ์แน่นอนของ 2 นักแสดงนำของเรื่องเลยก็ว่าได้ ที่ได้จัดเต็มทุ่มเท เพื่อบทบาทที่ได้รับกันแบบสุดตัว เพราะที่ แชนนิ่ง เททั่ม กับ มาร์ค รัฟฟาโล่ นั้นต้องเพิ่มน้ำหนักพร้อมทั้งฟิตร่างกาย กว่า 10 ปอนด์ พร้อมทั้ง ยังต้องเข้าฝึกมวยปล้ำนานกว่า 4 เดือน

เพื่อที่จักได้รับบท มาร์ค กับ เดฟ ชูทส์ 2 พี่น้องแชมป์มวยปล้ำเหรียญทองโอลิมปิค ทั้ง เททั่ม ด้วยกัน รัฟฟาโล่ นั้นต่างก็ไม่มีทักษะด้านมวยปล้ำมาก่อน

พร้อมทั้งนั่นทำให้พวกเขาต้องเรียนรู้ท่าทาง การเคลื่อนไหว เพราะว่าคณะงานได้นำ โค้ชผู้ฝึกสอนนักกีฬาของหมู่ฟ็อกซ์แคชเชอร์ ตัวแท้มาเป็นผู้ฝึกให้ รวมทั้งศึกษาจากวิดิโออีกด้วย แม้ว่า รัฟฟาโล่ จะเคยเล่นมวยปล้ำมาบ้างในยุคมัธยมปลาย แต่เดฟ ชูทส์เป็นคนถนัดซ้าย ซึ่งทำให้นักแสดงหนุ่มต้องลืมทุกอย่างที่เขาเคยรู้ไปให้หมด  ผมขอท้าให้ใครก็ตามที่เคยคิดว่ากีฬาที่พวกเขาเล่นนั้นโหดหินที่สุดแล้วให้มาลองเล่นมวยปล้ำดู

เพราะ แชนนิ่ง เททั่ม นั้นเช็ครอบหนังเป็นแทบคนเดียวในบรรดานักแสดงหลังทั้ง 3 คนที่จักต้องรับบทตัวละครที่ยังคงมีชีวิตอยู่แน่นอนอย่าง มาร์ค ชูทส์ ซึ่งปัจจุบันทำงานเป็นโค้ชมวยปล้ำในโอเรกอน เพราะว่าเขามักจักมาเยี่ยมเยียนกองถ่ายอยู่บ่อยๆ การมีเขาอยู่ด้วยเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมมากครับ พร้อมทั้ง มาร์คตัวจริงปรากฏตัวในฐานะนักแสดงรับเชิญในจอเงินเรื่องนี้ด้วย

เพราะว่าทาง FOXCATCHER หรือว่า ฟ็อกซ์แคชเชอร์ หรือไม่ปล้ำแค่ตาย คือผลงานการกำกับของ

• เบ็นเน็ต มิลเลอร์ จากเรื่อง 1.Capote, 2.Moneyball  

ที่ได้รวมนักแสดงแถวหน้าอย่าง 1.แชนนิง เททั่ม สตีฟ และ 2.คาเรล มาร์ค รัฟฟาโล่ หนังที่สร้างจากเรื่องแท้ของคดีฆาตกรรมที่สั่นสะเทือนไปทั่ววงการกีฬา กับเหตุการณ์สะเทือนขวัญครั้งยิ่งใหญ่ของวงการมวยปล้ำสหรัฐ เรื่องราวของสองพี่น้องนักมวยปล้ำผู้ยิ่งใหญ่ เดฟ มาร์ค รัฟฟาโล่ พร้อมด้วย มาร์ค แชนนิ่ง เททัม ชูทส์ เจ้าของดีกรีเหรียญทองโอลิมปิกและแชมป์มวลปล้ำโลก 2 ระยะเวลา

ที่ต้องทะลวงการดิ้นรนต่อสู้จนกลายมาเป็นสุดยอดนักมวยปล้ำที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในเรื่องราวศาสตร์ แต่ก่อนที่จะได้เป็นเจ้าของเหรียญทองโอลิมปิคระยะเวลาต่อจากนั้น เดฟ ชูทส์ กลับถูกฆาตกรรมลงอย่างเระบือดเย็น

ซึ่งนักวิจารณ์ทั่วโลกต่างก็ยกย่องให้ FOXCATCHER เป็นภาพยนตร์ยอดเยี่ยมแห่งปีซึ่งจะเปิดเปรยเบื้องหลังเหตุการณ์แท้ที่สะเทือนใจคนทั้งประเทศ FOXCATCHER ปล้ำแค่ตาย เข้าชิง 3 รางวัลลูกโลกทองคำ หนังยอดเยี่ยม นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม นักแสดงสบทบชายยอดเยี่ยม 8 มกราคม 2015


ตัวอย่างหนังใหม่ Foxcatcher ปล้ำแค่ตาย Official Trailer HD [ซับไทย]

5 สิ่งน่าจำเก่าเพ่งหนัง The Hobbit: The Battle of the Five Armies

มาดู 5 เรื่องน่ารู้ก่อนดูหนัง The Hobbit: The Battle of the Five Armies

1.ปิดฉากหนังเรื่อง HOBBIT เตรียมกรุยทางสู่เรื่อง The Lord of The Ring

ภายหลังที่ทาง บิลโบ แบ๊กกินส์ พร้อมด้วย เพื่อนๆ นั้นได้ไปปลุกมังกร แห่งสมอว์ก ขึ้นมาโดยไม่ตั้งใจ นั่นทำให้มันโกรธแค้นกับทำร้ายผู้คน ที่ไม่มีทางสู้ในเมืองทะเลสาบด้วยความเดือดแค้น ด้วยความต้องการที่ตะกลามจะไปทวงคืนทรัพย์สมบัติ

นั่นทำให้ธอรินยอมเสียสละมิตรภาพและเกียรติยศเพื่อใส่ร้ายว่าเป็นแผนชั่วของบิลโบ เพื่อทำให้เขาเห็นเหตุผลที่ควรให้ฮอบบิทเดินหน้าถัดไปท่ามกลางความรุนแรงพร้อมด้วยภัยอันตราย แต่กลับมีอันตรายที่โหดร้ายกว่ารออยู่เบื้องหน้า ซึ่งไม่มีใครมองเห็นได้นอกจากพ่อมดแกนดัล์ฟ ศัตรูผู้ยิ่งใหญ่อย่างซอรอนได้เคลื่อนทัพไปพร้อมกับกองทัพออร์คเพื่อแอบซุ่มโจมตีที่หุบเขาเดียวดาย ซึ่งศึกครั้งสำคัญแห่งมิดเดิ้ลเอิร์ธกำลังจักโหมโรงต้นขึ้น

2.ความยาวของรอบหนังเรื่อง The Battle of the Five Armies นั้นสั้นกว่า Transformers 4

ซึ่งหลังจากที่ ปีเตอร์ แจ็คสัน ได้ตัดต่อหนังภาคนี้เสร็จแล้วเป็นที่เรียบร้อย ตัวหนังก็มีความยาว แบบไม่รวมเครดิต ก็คร่าวๆทั้งสิ้น 2 ชั่วโมง 30 นาที ซึ่งจะว่าไปแล้วตัวหนังมีความสั้นกว่า Transformers 4 ถึง 15 นาที ซึ่งตัวผู้กำกับการแสดงจอเงินกล่าวว่าหนังภาคนี้จะมีความเป็นหนังระทึกขวัญมากขึ้น โครงสร้างเรื่องจึงต้องมีความกระชับมากขึ้น

3.ในการทำงานล้วนต้องมีการเปลี่ยนแปลง

ซึ่งแรกตั้งต้นเดิมทีตัวหนังตั้งใจจะสร้างแค่เป็นดูหนังใหม่สองภาคจบ ตัวหนังเลยถ่ายแบบเรียงลำดับความต่อด้วยเหตุที่ 1 ไป 2 พร้อมกับพบว่ามีความยุ่งยากหลายประกาเกิดขึ้นตั้งแต่ผู้กำกับการแสดงหนังอย่าง กิลเยโม เดลโตโร่ ขอถอนตัวออกจากโปรเจ็คไป ซึ่งวันที่ฉายที่ถูกวางเอาไว้อย่างแน่นอนพร้อมทั้งไม่อาจเลื่อนกำหนดได้ สถานที่ในการถ่ายทำไม่เอื้ออำนวย จนกระทั่งวันที่หนังภาคสามเสร็จสมบรูณ์พร้อมฉาย ปีเตอร์ แจ็คสันได้แต่บอกเล่าตัวเองว่า ผมภูมิใจกับผลงานชิ้นนี้จัง

4.ตัวหนังใช้ทุนสร้างถึง 754 ล้านเหรียญเลยทีเดียว

ซึ่งก็ได้กลายเป็นหนังเรื่องแรกที่ปางหารเฉลี่ยให้กับหนังทั้งสามภาคแล้วตกภาคละ 248 ล้าน ซึ่งเป็นกองมาก ในเชิงสถิติแล้ว Pirate of The Caribbean 3 เคยใช้ทุนสร้าง 665 ล้านเหรียญ และ Spider-man ของแซม ไรมี่ ก็มีต้นทุนการสร้าง 597 ล้านเหรียญ

5. ตัวของ Billy Boyd จักมารับหน้าที่ของเพลงปิดท้ายหนังที่มีชื่อว่า The Last Goodbye

เกี่ยวกับเพลง The Last Goodbye ได้ทำการขับร้องเพราะว่าบิลลี่ บอยด์เป็นทั้งการกราบทูลลามิดเดิ้ล เอิร์ธพร้อมด้วยหมายลาผู้ชม เหตุผลที่ทางพวกงานเลือกให้ บิลลี่ บอยด์ ซึ่งร่วมงาน ตั้งแต่แรกเริ่มพร้อมกับเป็นผู้รับบท เพอรีกริน ทุค ในหนังเรื่อง The Lord of The Rings ได้มาช่วยแต่งกับบรรเลงเพลงปิดท้ายผลงานไตรภาคเรื่องนี้ บิลลี่ไม่ได้เป็นแค่นักแสดงที่น่าทึ่งตัวอย่างหนังใหม่ แต่ยังเป็นนักร้องพร้อมด้วยนักแต่งเพลงที่มีความชำนาญมากด้วย

เช็ครอบหนัง: ไอฟาย แต๊งกิ้ว เลิฟยู้,Big Hero 6 บิ๊กวีรบุรุษ 6

ทุบสถิติหนังไทย ไอฟาย แต๊งกิ้ว เลิฟยู้ โหมโรงรายได้สูงสุดถึง 29 ล้าน

แค่แค่เริ่มวันแรกก็ทำรายได้อึ้งกันทั้งบางแล้ว เพราะว่าภาพยนตร์เรื่องล่าสุดจาก GTH ไอฟาย แต๊งกิ้ว เลิฟยู้ ที่ทำลายสถิติหนังไทย ทำรายได้วันเริ่มสูงสุดตลอดกาล ที่ 29.17 ล้านบาท ส่วนแชมป์เก่าอย่าง ภาพยนตร์เรื่อง พี่มาก พระโขนง จอเงินจากค่ายเดียวกัน ที่เคยทำร้ายได้เริ่มไว้ที่ 21.20 ล้านบาท

เพราะว่ารอบหนังเรื่อง ไอฟาย แต๊งกิ้ว เลิฟยู้ ผลงานการกำกับของ เมษ ธราธร ที่ได้เคยฝากผลงานกำกับภาพยนตร์เรื่อง ATM ให้คนดูได้ฮากรามค้างมาแล้ว เพราะหนังเรื่องนี้ได้พระเอกมาดเซอร์อย่าง ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์ จะมาประกบคู่กับนางเอกร้อยล้านอย่าง ไอซ์ ปรีชญา พงษ์ธนานิกร กับทีมนักแสดงสุดฮาที่ขนความฮามาไว้ในเรื่องให้ได้หัวเราะอย่างหยุดไม่อยู่

เหมือนแค่วันแรกยังโหมโรงแรงขนาดนี้ ใครกระหายสัมผัสความแรงของหนังเรื่อง ไอฟาย แต๊งกิ้ว เลิฟยู้ ต้องไปติดตามกันได้ ทุกโรงภาพยนตร์ งานนี้อาจ ฟุดฟิดฟอไฟ ไม่ถนัด แต่รับประกันความฮาสนั่นโรงแน่นอน!

ตัวอย่างหนังใหม่เรื่อง ไอฟาย แต๊งกิ้ว เลิฟยู้

ดูหนัง Big Hero 6 บิ๊กฮีโร่ 6

• ชื่อหนังภาษาไทย : บิ๊กฮีโร่ 6 
• ชื่อหนังภาษาอังกฤษ : BIG HERO 6 
• จัดจำหน่ายหนังเพราะ : Disney

เนื้อเรื่องย่อละคร/หนัง Big Hero 6  บิ๊กฮีโร่ 6

ริเริ่มต้นด้วยเรื่องราวอันน่าประทับใจพร้อมด้วยมุกตลกที่แฟนๆคาดหวังจาก วอลท์ ดิสนีย์ แอนิเมชั่น สตูดิโอส์ สู่จอเงินแอ็คชั่นผจญภัยแฝงอารมณ์ขันอย่าง Big Hero 6  บิ๊กฮีโร่ 6 ที่เป็นเรื่องราวของหนุ่มน้อยนักประดิษฐ์ ฮิโระ ฮามาดะ ที่กำลังเรียนรู้ถึงอัจฉริยภาพที่เขามี

ซึ่งก็ต้องขอบคุณ

• ทาดาชิ พี่ชายจอมปราดเปรื่องของเขา 

รวมถึงเพื่อนๆ อย่าง

• โกโก ทามาโกะ จอมคนไฮเปอร์
• วาซาบิ โนะ-จินเจอร์ จอมเจ้าระเบียบ
• ฮันนี่ เลม่อน จอมแม่มดเคมี
• แฟนบอย เฟรด 

ซึ่งเมื่อหายนะกำลังคลืบคลามเข้ามาพร้อมด้วยดึงพวกเขาเข้าไปสู่เรื่องราวสุดอันตรายที่เกิดขึ้นใน ซานฟรานโซเกียว เมืองลูกผสมระหว่าง ซานฟรานซิสโก กับ โตเกียว

โดยที่ฮิโระ จึงต้องพึ่งหุ่นยนต์เพื่อนซี้ของเขาที่ชื่อ เบย์แมกซ์ พร้อมด้วยเปลี่ยนเพื่อนๆ ของเขาให้กลายเป็นกลุ่มของฮีโร่สุดไฮเทคเพื่อคลี่คลายเรื่องราวที่เกิดขึ้น

ด้วยว่าจอเงินแอนิเมชั่นที่มีกลิ่นอายของมังงะ หรือการ์ตูนญี่ปุ่น เรื่องนี้ได้นักแสดงมากมายมาร่วมให้เสียง ตัวละครต่างๆ ซึ่งได้แก่

1. คนแรก ไรอัน พอตตเตอร์ ให้เสียง ฮิโระ ฮามาดะ
2. คนที่สอง สก็อตต์ แอดซิท ให้เสียง เบย์แมกซ์
3. คนที่สาม ที เจ มิลเลอร์ ให้เสียง เฟรด
4. คนที่สี่ เจมี่ ชุง ให้เสียง โกโก ทามาโกะ
5. คนที่ห้า เดม่อน เวย์ยันส์ จูเนียร์ ให้เสียง วาซาบิ
6. คนที่หก เจเนซิส โรดิเกวซ ให้เสียง ฮันนี่ เลม่อน
7. คนที่เจ็ด แดเนียล เฮนนี่ ให้เสียง ทาดาชิ ฮามาดะ พี่ชายของฮิโระ
8. คนที่แปด มายา รูดอล์ฟ ให้เสียง ป้าแคสส์
9. คนที่เก้า เจมส์ ครอมเวลล์ ให้เสียง ศจ โรเบิร์ต คัลลาแกน
10. คนที่สิบ อลัน ทูไดค์ ให้เสียง อลิสแตร์ เครย์ 

1. ผลงานการกำกับเพราะ ดอน ฮอลล์ พร้อมกับ คริส วิลเลี่ยมส์ 
2. ผลงานอำนวยการสร้างเพราะว่า รอย คอนลิ

ภาพยนตร์หนังใหม่มีกำหนดเข้าฉาย 4 ธันวาคม 2557

ตัวอย่าง Big Hero 6

ระเบียนนักแสดง หนังใหม่เรื่อง ผ่าพื้นพิภพไททัน

มาดูบัญชีชื่อนักแสดงพร้อมทั้งตัวละครหลักต่างๆ ในหนังใหม่เรื่อง ผ่าพิภพไททัน

ซึ่งจากการ์ตูนสุดได้รับความนิยมในญี่ปุ่นขณะนี้ กำลังจักกลายเป็นหนังยิ่งใหญ่อีกเรื่องด้วยว่า ผ่าพิภพไททัน หรือว่า Attack on Titan ในแบบคนแน่นอนแสดง ที่ได้ทั้งผู้กำกับการแสดงจอเงิน กับเหล่าดารานักแสดงชื่อดังจากญี่ปุ่นมาร่วมแสดงด้วยมากมาย ที่จะมาให้ชมกันในปี 2015 พร้อมกับโอกาสนี้เหล่านักแสดงทั้งหมดก็ได้มาปูดโฉมให้เราทราบกันแล้วว่า ใครได้รับบทอะไรกันบ้าง

ซึ่งในส่วนของตัวละครหลักได้นักแสดงหนุ่มมาดเท่วัย 23 ปี ฮารุมะ มิอุระ หรือว่า บิโตว ทัตสึยะ จากเรื่อง Crow Zero มารับบท เอเลน เยเกอร์ พระเอกของเรื่องที่เพิ่งเข้ามาร่วมกับหน่วยสำรวจต่อสู้กับพวกยักษ์ไททัน

บัญชีรายชื่อนักแสดงพร้อมด้วยตัวละครทั้งหมด

1.ฮารุมะ มิอุระ แสดงเป็น เอเลน เยเกอร์

2.คิโกะ มิซุฮาระ แสดงเป็น มิคาสะ เอเคอร์แมน

3.คานาตะ ฮอนโง แสดงเป็น อาร์มิน อัลเรลโต

4.ซาโตมิ อิชิฮาระ แสดงเป็น ฮันจิ โซเอ

5.นานามิ ซากุระบะ แสดงเป็น ชาช่า เบลาส์

6.ทาคาฮิโระ มิอุระ แสดงเป็น แจน คริสไตน์

7.ฮิโรคิ ฮาเซกาวะ แสดงเป็น ชิคิชิมะ

8.อายาเมะ มิซากิ แสดงเป็น เฮียน่า

9.ปิแอร์ ทาคิ แสดงเป็น โซดะ

10.จุน คุนิมุระ แสดงเป็น คูบัล

11.ชู วาตานาเบะ แสดงเป็น ฟุคุชิ

12.ซาโตรุ มัตสึโอะ แสดงเป็น ซันนางิ

13.รินะ ทาเคดะ แสดงเป็น ลิล

ซึ่งจะเห็นว่า มีตัวละครบางตัวที่ไม่ปรากฏอยู่ในหนังสือการ์ตูน แต่มีบทในภาพยนตร์ด้วย เพราะตัวเนื้อเรื่องของหนังนี้จะต่างไปจากการ์ตูน จากระเบียนตัวละครทั้งหมดที่เปิดปริปากมาเวลานี้ มีตัวละครที่มาจากการ์ตูน 6 ตัว พร้อมทั้งตัวละครที่มีแค่ในภาพยนตร์อีก 7 ตัวด้วยกัน

ซึ่งตัวละครใหม่เหล่านี้ จะเป็นตัวละครที่มีส่วนสำคัญในเนื้อเรื่องภาพยนตร์นี้ด้วย เช่น ชิคิชิมะ ที่เป็นนักรบผู้เก่งกาจที่สุดของมนุษย์ สงสัยจักมาแทนรีไวล์

พร้อมด้วยทางโปรดิวเซอร์เพราะ โยชิฮิโระ ซาโต้ นั้นไม่ต้องการให้หนังเน้นตัวละครจากการ์ตูนเท่านั้น เขาเลยเพิ่มตัวละครเฉพาะของภาพยนตร์เข้าไปด้วยให้มีสัดส่วนพอๆ กัน

ซึ่งก็ไม่แค่นักแสดงที่ส่วนใหญ่เป็นนักแสดงขาประจำของจอเงินจากโปรแกรมหนังการ์ตูนญี่ปุ่นแล้ว เหล่ากรุ๊ปงานสร้างก็ล้วนเป็นเหล่างานที่มีประสบการณ์สร้างหนังการ์ตูนชื่อดังทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น

คนแรกคือผู้กำกับหนัง ชินจิ ฮิกุจิ ผู้เคยกำกับเรื่อง

1. เรื่อง The Floating Castle 
2. เรื่อง Evangelion
3. เรื่อง Gamera 
4. พร้อมด้วยอื่นๆ 

ซึ่งนอกจากนี้ก็มี

คนที่สอง คุณ ยูสุเกะ วาตานาเบะ รับหน้าที่ Screenwriters ผู้มีประสบการณ์ทำหนังการ์ตูนดังอย่าง

1. เรื่อง Gantz
2. เรื่อง 20th Century Boy
3. เรื่อง Dragon Ball Z: Battle of Gods 

พร้อมทั้งผู้เขียนบทคือคุณ โทโมฮิโระ มาจิยามะ ที่เป็นนักวิจารณ์หนังชื่อดัง

เพราะที่ฮาจิเมะ อิโซยามะ ผู้แต่งจะมาเป็น supervisor ช่วยเหละบือการแต่งบทภาพยนตร์ด้วย

ด้วยกันเรื่องย่อละครจอเงิน ผ่าพิภพไททัน ถ่ายทำที่เกาะเรือรบ ฮะชิมะ หรือว่า กุงกันจิมะ ว่ากันว่าเป็นเกาะร้างที่ขึ้นชื่อเรื่องมีผีสิงชื่อดังอันดับสองของโลก ตามที่ปัจจุบันไม่มีผู้คนอาศัยบนเกาะแล้ว จึงเหมาะที่เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ ที่มีฝาผนังรกร้างพร้อมด้วยซากตึกหักพังได้อย่างดี

หนัง Gundam The Origin I ตำยาวนานท่านชาร์ ตีส่งแสงแล้วไป

รอบหนัง Gundam The Origin I ตำนานท่านชาร์ กำหนดฉายแล้ว

ซึ่งถ้าให้ลองนึกถึงรอบหนังตัวร้ายของเรื่อง กันดั้ม ขึ้นมาสักหนึ่งตัว คุณจะคิดถึงตัวไหนเป็นตัวแรก? ผมเชื่อได้เลยว่าแฟนกันดั้มที่ติดตามเรื่องนี้มานาน จะต้องนึกถึงท่านชาร์ อัสนาเบิ้ล ใช่ไหมดาวหางสีแดงก่อนใครอย่างแน่นอน

เพราะว่าว่าแกเป็นตัวร้ายที่ทั้งเก่งพร้อมทั้งมีเอกลักษณ์มากที่สุดในบรรดาตัวร้ายของกันดั้มทุกภาค แม้ว่ากัมดั้มภาคที่ชาร์มีบทบาทอยู่นั้นจะจบไปนานแล้ว แต่กระนั้นตัวละครแกก็ยังคงได้รับความนิยมด้วยกันกล่าวถึงอยู่เสมอๆ แถมยังถูกนำมาวาดเป็นหนังการ์ตูนนอกเรื่องภาคพิเศษมากมาย อย่าง กันด๊าม กันดั้ม กับ เรื่องฮาประจำวันของทั่นชาร์

ซึ่งเรื่องของท่านชาร์ นั้นได้รับความสนใจมากนี้ พร้อมกับทาง Sunrise ก็เลยได้จับชาร์มาแสดงอีกรอบ ในกันดั้มภาคชีวพระราชประวัติของท่านชาร์ Mobile Suit Gundam: The Origin Blue-Eyed Casval ให้แฟนๆ นั้นทราบที่มาของท่านชาร์อย่างละเอียดกันไปเลย

เพราะอันที่นักแล้วประวัติส่วนตัวของท่านชาร์นี้ มีลงรายละเอียดไว้ในนิยายกับหนังสือการ์ตูนแล้ว แต่ด้วยคนที่ไม่ได้อ่านก็อาจยังไม่ทราบ ก็เลยทำเป็นอนิเมะ OVA ให้ชมกันเลยง่ายกว่า นอกจากนี้ยังทำขึ้นเพื่อฉลองครบรอบ 35 ปี กันดั้มด้วย

พร้อมด้วยเนื้อเรื่องย่อละครของ Mobile Suit Gundam: The Origin Blue-Eyed Casval นั้นจะเล่าเรื่องราวตั้งแต่ตอนที่ ชาร์ ไม่ก็ แคสวาล ตอนยังเด็ก พ่อของเขาได้โหมโรงก่อตั้งสาธารณรัฐซิออน ซึ่งเป็นอาณานิคมของบรรดาผู้อพยพจากโลกมาอาศัยอยู่ในอวกาศ กับพ่อของเขายังมีนโยบายสนับสนุนให้มนุษย์ขึ้นมาอาศัยในอวกาศ เพื่อวิวัฒนาการของมนุษย์ด้วย

แต่ว่ายังไม่ทันที่จะได้ทำอะไรก็ถูกตระกูลซาบี้ลอบสังหารพร้อมทั้งยึดอำนาจไป ทำให้ลูกๆ ทั้งสองคนคือ แคสวาล เรม ไดคุน พร้อมด้วย อัลทิเซีย ซอม ไดคุน ต้องลีภัย ได้รับการช่วยเหฟุ้งเฟื่องไปใช้ชีวิตอยู่ในโคโลนี่เท็กซัส จนกระทั่งโตขึ้น แคสวาลได้ลอบเข้าไปเรียนในโรงเรียนเตรียมทหารของซิออน เพราะใช้ชื่อว่า ชาร์ อัสนาเบิ้ล ที่มีหน้าตาคล้ายกัน ต่างกันที่สีตา ส่วนอัลทิเซีย น้องสาว ใช้ชื่อปลอมว่า เซร่า มาส ไปเข้าเป็นทหารของฝ่ายสหพันธ์โลก

เนื่องด้วยตัวอย่างหนังใหม่เรื่อง Mobile Suit Gundam: The Origin Blue-Eyed Casval นั้นเป็นอนิเมะแบบ OVA แต่จักมีฉายทางโรงหนังด้วย นาน 90 นาที ภาคแรกกำหนดฉายวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ถึง 13 มีนาคม 2015 ที่ญี่ปุ่น พร้อมกับจักมีขายเวอร์ชั่น DVD ด้วยกัน Bluray ตามมา

บทวิจารณ์หนัง ดูวิจารณ์หนังเรี่ยมส่วน Mockingjay Part 1

บทวิจารณ์หนัง The Hunger Games: Mockingjay Part 1 

พร้อมกับครั้นเมื่อหนังในภาคนี้ไม่มีสนามประลองแห่งเกมล่าชีวิตอยู่อีกจากนั้น ภายภายหลังการแข่งขันอันเข้มข้นใน Quarter Quell ครั้งล่าสุด ที่สาวน้อยผู้มากับไฟ แคทนิส เอเวอร์ดีน ใช่ไหม เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ นั้นได้ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่หลวงขึ้น พร้อมทั้งมันได้นำมาซึ่งจุดริเริ่มต้นที่แท้สุทธิของสงครามที่แท้นัก ที่เธอจักไม่ยอมสยบต่อแคปปิตอลอีกถัดจาก


ซึ่งมีแคทนิสในฐานะสัญลักษณ์ของ ม็อคกิ้งเจย์ จักเป็นผู้นำในการลุกขึ้นต่อต้านครั้งนี้ร่วมกับ

1. เกล ไม่ก็ เลียม เฮมส์เวิร์ธ ที่เป็นเพื่อนรักจากเขต 12
2. ฟินนิค เพื่อนร่วมเกมจาก Quarter Quell 
3. กับ คนที่สาม คือพลูตาร์ช เกมเมคเกอร์ที่ขอหักหลังแคปิตอล 

เพราะทีทุกอย่าง นั้นไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด เพราะว่าตราบชายหนุ่มที่เคยต่อสู้เคียงข้างเธออย่างพีต้า เมลลาร์ค หรือว่า จอช ฮัทเชอร์สัน ต้องถูกแคปปิตอลจับเป็นตัวประกัน

กับสิ่งที่น่าสนใจก็คือภาคนี้เคทนิสเองถูกผลักดันขึ้นมาเป็นตัวแทนผู้นำในการต่อต้านกับแคปปิตอล ซึ่งเอาเข้าเป็นแน่แท้แล้วตัวเธอเองก็เพิ่งจะบอบช้ำมาจากการที่ต้องรู้ความจริงๆว่าพีต้าถูกสโนว์จับตัวไปเป็นตัวประกัน ทำให้ความสับสนด้วยกันความซับซ้อนทางอารมณ์ของแคทนิสถูกเปิดเปิดเผยออกมาให้ผู้ชมเห็นว่าเธอก็เป็นปุถุชนคนหนึ่งที่ยังคงหวาดกลัวการถูกคุกคามอยู่ดี

พร้อมกับอันที่นักแล้วแผนการปฏิวัติจะเกิดขึ้นด้วยกันเป็นผลสำเร็จไม่ได้เลยถ้าถ้าหากตัวแคทนิสเองไม่ยอมต่อต้าน กฎ ในเกมล่าชีวิตภาคแรก นั่นยังไม่รวมไปถึงการที่เธอเลือเลื่องกจะยิงธนูใส่สนามพลังในภาคถัดมา พร้อมกับแน่นอนจนกระทั่งไฟแห่งการปฏิวัติถูกจุดให้ติดขึ้นแล้ว กลุ่มผู้ต่อต้านจึงคิดว่าแคทนิสนี่แหละคือ สัญลักษณ์ ในการปลุกระดมมวลชนให้เห็นคล้อยตามไปกับพวกเขา กับการเลิกจำนนต่อการปกครองแบบเอารัดเอาเปรียบของแคปปิตอล

แต่ว่าอย่างไรก็ตามความสนุกอีกอย่างนอกจากที่บังตาแอ็คชั่นในตัวอย่างหนังใหม่ภาคนี้แล้ว จักเห็นได้ว่าเขต 13 ใช่ไหม กลุ่มผู้ต่อต้านและแคปปิตอล โดย ประธานาธิบดีสโนว์ นั้นได้ใช้กระบวนการที่เรียกว่า Propaganda ไม่ก็โฆษณาชวนเชื่อในการสร้าง เหตุผล เพื่อโน้มน้าวมวลชนของตัวเองให้คล้อยตามไปกับสิ่งที่พวกเขาพยายามจะสื่อสารออกไป

ด้วยว่าที่เขต 13 นั้นพยายามจะใช้แคทนิสเป็นม็อกกิ้งเจย์สัญลักษณ์แห่งอิสรภาพในการปลดเปลื้องพันธนาการจากแคปปิตอล ในขณะที่ทางแคปปิตอลเองก็ใช้เชลยอย่างพีต้าในการพูดให้ทางแคทนิสใจอ่อนด้วยกันเกิดความไม่มั่นใจก็เพราะว่าเป็นห่วงในสวัสดิภาพของคนรัก หรือไม่ก็เพื่อนรัก อย่างพีต้า

โดยที่ตัวละคร อย่างประธานาธิบดี อัลม่า คอยน์ ไม่ก็ จูลี่แอนน์ มัวร์ นั้นก็จัดได้ว่าเธอเป็นตัวละครที่ต้องแบกรับความรับผิดชอบครั้งยิ่งใหญ่ในการปกป้องผู้คนที่เธอต้องดูแล อย่างที่ทราบกันดีว่าเขต 13 นั้นในความเข้าใจของแคปปิตอลนั้นมันเป็นเขตที่หายสาบสูญไปจากแผนที่เป็นที่เรียบร้อย ซึ่งการถ่ายทอดบท ผู้นำ ของจูลี่ก็เรียกได้ว่าทรงพลังไม่พ่ายแพ้กับแคทนิสเลยเช่นกัน

กับที่นอกเหนือไปจากนี้ 1 ในกำแพงที่ดีที่สุดกับชวนลุ้นระทึกที่สุดในหนังมาใหม่เรื่องก็คงหนีไม่พ้นที่บังตาเข้าไปชิงตัวประกันที่เรียกได้ว่า ผู้กำกับการแสดงหนังอย่างฟรานซิส ลอว์เรนซ์รอบรู้ควบคุมจังหวะในการเร้าอารมณ์ผู้ชมให้ลุ้นตามไปกับพวกหน่วยกล้าตายของเกล ในการบุกเข้าไปในตึกของแคปปิตอล ตัดสลับกับการเจรจาถ่วงเวลาระหว่างแคทนิสกับประธานาธิบดีสโนว์

เพราะว่าภาพรวมของโปรแกรมหนังเรียกได้ว่ายังคงดูสนุก แม้ว่าบางส่วนที่เยิ่นเย้อก็ทำเป็นตัดออกไปได้ แต่ก็เข้าใจเจตนาในการหั่นหนังเป็นสองภาคเพราะว่าปัจจัยหนึ่งก็มาจากเรื่องเงินรายได้ น่าเสียดายที่ไคลแมกซ์ของเรื่องแม้ว่าอาจจักไม่ได้ลุ้นจนตัวโก่ง แต่มันก็หิวจักทำให้ผู้ชมใคร่ได้จะชม PART 2 ไวๆ เหมือนกัน

@พริตตี้ปลาสลิด

ยกให้ 3.5 คะแนนจาก 5 คะแนน

หนังเหมือน CAPTAIN AMERICA: CIVIL WAR ข้อมูลได้ตัวอิจฉาตัวใหม่

หนังใหม่อย่าง CAPTAIN AMERICA: CIVIL WAR ประกาศได้ตัวร้ายคนใหม่

ซึ่งหลังจากที่ทางมาร์เวลได้ประกาศรอบหนังวันเข้าฉายอย่างแน่นอนของ CAPTAIN AMERICA: CIVIL WAR ออกมาเรียบร้อย แน่นอนว่าตัวร้ายเก่าอย่าง วินเธอร์ โซเยอร์ มาร์เวลคงไม่เอากลับมารียูสใช้เป็นตัวร้ายรอบสองกันอย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นก็คงไม่ใช่โทนี่ สตาร์คที่เป็นเหมือนปรปักษ์อยู่กลายๆ อีกเช่นกัน

เหมือนแต่ข่าวล่ามาไวก็คือนักแสดงนำอย่างแดเนียล บรูฮี จาก Rush กับ Inglourious Basterds จะมารับหน้าที่เป็นตัวร้ายในหนังเรื่องนี้ ในขณะที่ก็มีอีกกระแสที่ว่าเขาอาจจักมาเป็นตัวร้ายหลักใน

Doctor Strange

โดยที่ก่อนหน้าที่จักมีข่าวโคมลอยออกมา ทางแดเนียลได้เดินทางไปแคสติ้งกับทางมาร์เวล์ และทาง เควิน ฟริจก์ ก็ได้กล่าวถึงแดเนียลว่า แดเนียลมีความศักยในการเล่นบทที่ตึงเครียด เขามีการแสดงที่น่าสนใจ เราคิดว่าเราได้ค้นพบอีกหนึ่งนักแสดงที่จักอาจมาแชร์ประสบการณ์การแสดงในจักรวาลฮีโร่ที่ยิ่งใหญ่ของเราด้วยเช่นกัน

พร้อมกับถึงแม้ว่ายังไม่ได้มีการประกาศของบทที่แน่นอนของแดเนียล แต่สื่อใหญ่ก็คาดว่าบทที่น่าจะเหมาะสมที่สุดด้วยเขาน่าจะเป็นตัวร้ายใน Doctor Strange

ด้วยความน่าสนใจด้วยกันตัวอย่างหนังใหม่ของ CAPTAIN AMERICA: CIVIL WAR ยังไม่หมดเท่านั้น ก็เพราะว่าถ้าสมมติว่ายังจดจำกันได้ใน Captain America: The Winter Soldier บทบาทของตัวร้ายอย่างวินเทอร์โซเยอร์ได้รับการเกริ่นคร่าวๆ ว่าตัวละครนี้จะกลับมามีบทบาทสำคัญต่อโครงเรื่องในเส้นเรื่องของกัปตันอเมริกา ซึ่งทางนักแสดงอย่าง เซบาสเตียน แสตน นั้นจักกลับมารับบทบาทเดิม รวมไปถึง แซมมวลเอล แจ็คสัน กับ สการ์เลต โจแฮนสัน ด้วย

เพราะว่าที่ความชัดเจนในภาคนี้ก็คือบทบาทของ โรเบิร์ต ดาว์นนี่ จูเนียร์ เหรอ ไอรอนแมน พร้อมด้วย คริส อีแวน หรือไม่ก็กัปตัน อเมริกา จะต้องกลายมาเป็นปรปักษ์ที่ต่างก็มีจุดยืนในความคิดของตัวเอง ซึ่งทางฝ่ายขียนบทเองก็อยู่ในช่วงของการดัดแปลงบทมาจากหนังสือการ์ตูนในเซท Civil War อยู่ในเวลานี้ ด้วยกันเซอร์ไพรส์ล่าสุดที่มีโอกาสเป็นไปได้ก็คือการที่มาร์เวลจักนำซูเปอร์ฮีโร่อีกหนึ่งคนอย่าง Black Panther เอามาปรากฎตัวในหนังเรื่องอีกด้วย

ตัวอย่างหนังใหม่: ภาพง้างตัวตนการ์ตูน Attack on Avengers

ภาพโหมโรงการ์ตูน Attack on Avengers 

หลังจากที่การ์ตูนหนังเรื่อง Marvel vs Attack on Titan นั้นเป็นผลงานความร่วมมือทางญี่ปุ่นกับอเมริกา ระหว่างเหล่าฮีโร่ของทางค่าย Marvel ด้วยกันเหล่ายักษ์ไททัน จากการ์ตูนชอบของญี่ปุ่นเรื่อง Attack on Titan นำมาครอสโอเวอร์กลายเป็นเรื่องเดียวกัน เพราะว่าทางนิตยสาร Brutus Magazine ของญี่ปุ่นได้มีอัพเดตเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะว่าฮีโร่จาก Marvel ที่จะร่วมต่อสู้กับไททัน ก็จักมีทั้ง Guardians of the Galaxy ด้วยกัน The Avengers

ถึงแม้ว่าลายเส้นจะเป็นหน้าที่ของทางอเมริการับหน้าที่วาดออกมา มันก็เลยมีหน้าตาออกไปทางคอมมิคการ์ตูนฮีโร่แบบฝรั่ง แต่เหตุด้วยเนื้อเรื่องนั้นทาง Marvel ได้มอบให้อาจารย์ Hajime Isayama ที่เป็นผู้วาดการ์ตูนหนังใหม่ Attack on Titan นั้นเป็นผู้คิดเนื้อเรื่องให้แทนเลย

โดยที่เดิมทีนั้นเหล่าฮีโร่ของมาร์เวล ซึ่งส่วนใหญ่เป็นมิวแตนท์นั้นก็คล้ายๆ กับไททันอยู่แล้ว คือเกิดจากการกลายพันธุ์นั่นเอง พร้อมกับทั้งสองเรื่องก็เลยจับมารวมกันได้ เนื้อเรื่องคาดกันว่าน่าจะมีเกิดการกลายพันธุ์เป็นยักษ์ไททัน บุกโจมตีมนุษย์ที่เมืองนิวยอร์กของอเมริกา ทำให้เหล่าฮีโร่ต่างของ Marvel ต้องเข้าร่วมศึกต่อสู้กับพวกยักษ์ไททัน เพราะมีชื่อเรื่องอย่างเป็นทางการว่า Attack on Avengers

สำหรับสารบาญพวกงานของการ์ตูน Attack on Avengers

1. Scenario: Hajime Isayama
2. Breakdown: C.B. Cebulski
3. Line Artist: Gerardo Sandoval
4. Color Artist: Dono Sanchez Almara
5. Assistant Editor: Jake Thomas
6. Editor: Tom Brevoort
7. Editor in Chief: Axel Alonso
8. Chief Creative Officer: Joe Quesada
9. Publisher: Dan Buckley
10. Executive Producer: Alan Fine

พร้อมด้วยสาเหตุที่ทาง Marvel สนใจร่วมมือกับการ์ตูนเช็ครอบหนังเรื่อง Attack on Titan นั้นทางคุณ CB. Cebulski ผู้บริหารของมาร์เวลได้เปิดปริปากว่า ก็เพราะว่าการ์ตูนผ่าพิภพไททันนั้นกำลังได้รับความนิยมในอเมริกามากขึ้นเรื่อยๆ แต่เนื้อหาของการ์ตูนต้นฉบับของญี่ปุ่นนั้นค่อนข้างรุนแรง มีตัวละครตายกันเป็นว่าเล่น

ทำให้ถูกตีกรอบไม่ให้เด็กๆ ทั่วไปได้อ่านกันตามเรตความรุนแรงของอเมริกา เขาก็เลยตะโกรงทำการ์ตูน Attack on Titan แบบใหม่ขึ้นมาให้รุนแรงน้อยลง แบบฉบับของเหล่าฮีโร่ ให้เด็กศักยดูกันได้

พร้อมกับเพื่อตัวอย่างหนังใหม่การ์ตูนเรื่อง Attack on Avengers ตั้งต้นพิมพ์ให้อ่านกันในนิตยสาร Brutus ของญี่ปุ่นก่อนฉบับวันที่ 15 พฤศจิกายน 2014 นี้ เพราะเป็นเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษ และมีภาษาญี่ปุ่นแปลไว้ด้วย ส่วนทาง Marvel Comic ยังไม่เล่าว่าจักตีพิมพ์ที่อเมริกาครั้งใด

ตัวอย่างหนังใหม่ FURY หรือวีรกรรมลงมือเพื่อประเทศชาติ

บทวิจารณ์หนัง FURY หรือไม่ วีรกรรมทำเพื่อชาติ

ซึ่งอันที่ครันแก่นของตัวอย่างหนังใหม่สงครามนั้นคงหนีไม่พ้นประเด็นไม่กี่อย่างนั่นคือ

• ข้อแรก การนำเสนอความรักชาติและพวกพ้อง
• ข้อสอง ผลพวงจากสงครามรอยบาดแผลและคราบเลือเลื่องดรวมไปถึงคราบน้ำตา 
• ข้อสาม การขายฝาห้ำหั่นกันระหว่างฝ่ายดีพร้อมด้วยฝ่ายศัตรู

กับแน่นอนว่าหนังสงครามแล้วขึ้นชื่อว่าคนชนชาติใดเป็นผู้สร้างก็มักจักต้องเขียนบท เข้าข้าง เรื่องราวศาสตร์ชาติของตัวเองเป็นสำคัญ ว่ากันง่ายๆ เลยก็คือหนังสงครามส่วนมากก็มักจะปลุกกระแสชาตินิยมเป็นปกติ พร้อมกับมักจะต้องโยนขี้หรือไม่พยายามทำให้อีกฝ่ายหนึ่งดูมีความ ชอบธรรม น้อยกว่าเพื่อจักได้เป็นข้ออ้างในการเข่นฆ่าฝ่ายตรงข้ามโดยไม่ต้องพยายามหาความมีมนุษยธรรมมาทำให้ตนเองรู้สึกดีขึ้น

ซึ่งหนังอย่างเรื่อง Fury นั้นอาจจะกล่าวได้ว่ามันมีแนวคิดตามที่ระบุมาข้างต้นเกือบครบครันทุกประการ ตัวหนังรับสั่งเล่าเรื่องราวของพลรถถังกลุ่มหนึ่งซึ่งอยู่ในช่วงเวลาปลายสงครามโลกครั้งที่ 2

ซึ่งฝ่ายอเมริกานั้นได้รับมอบหมายทำให้ทำการรบกับศัตรูอย่างนาซีแบบเต็มพิกัดพร้อมทั้งเป้าหมายเดียวของพวกเขาก็คือการตีเข้าใจกลางเยอรมันให้ย่อยยับราบพนาศรัย เพราะรถถังที่เป็นยานพาหนะสำคัญให้ทีมตัวเอกได้ใช้เดินเรื่องก็คือ รถถังเอ็ม 4 ที่ชื่อว่าฟิวรี่ แน่นอนว่าในช่วงโค้งสุดท้ายของการต่อสู้ไม่ว่าทหารฝ่ายใดก็ตามก็ล้วนเหนื่อยล้าพร้อมด้วยอิดโรยจากความยาวนานของการรบราฆ่าฟัน ดังนั้นจิตวิญญาณของเหล่าทหารก็เกริ่นร่อยหรอเข้าไปทุกที

พร้อมทั้งทางผู้กำกับหนังหนังใหม่ของเรื่องอย่างเดวิด เอเยอร์นั้น ตั้งใจนำเสนอภาพสงครามออกมาพาฝันค่อนข้างน้อยกว่าหนังสงครามเรื่องอื่นๆ เขานำเสนอภาพความรุนแรง ดิบ โหดร้ายพร้อมด้วยสมจริง ไม่ว่าจักเป็นเศษชิ้นเนื้อมนุษย์ที่หลุดกระจายปลิวว่อนตลอดเรื่อง

สิ่งที่แน่นอนว่าภาพลักษณ์ของทหารในเรื่องนี้จักไม่ได้ถูกนำเสนอในฐานะของฮีโร่ผู้พิทักษ์อเมริกา แต่พวกเขาจักเป็นแค่คนธรรมดากลุ่มหนึ่งที่เดิมพันชีวิตของตัวเองฝากไว้กับรถถัง กับความเจ็บปวดที่พวกเขาได้รับกลับมานั้นไม่ใช่แค่พ่างบาดแผลภายนอกเท่านั้น แต่มันยังบาดลึกลงไปถึงจิตใจของพวกเขาด้วย พร้อมด้วยความสูญเสียระหว่างพลทหารด้วยกันเองนั้นยิ่งสร้างความรู้สึกเกลียดชังฝ่ายศัตรูอยู่ทุกครั้นเมื่อ

เพราะว่าที่ตัวละครของ โลแกน เลอร์แมน ที่แสดงในบทบาทของนอร์แมน เด็กชายวัยรุ่นที่กระโจนเข้ามาในสงครามครั้งนี้ด้วยความจำเป็น เขาเป็นภาพแทนของผ้าขาวที่กำลังถูกทำให้เปื้อนด้วยความเลวร้ายของสงครามที่ตลอดเวลาที่หนังดำเนินเรื่องไปนั้น เขาก็ได้เรียนรู้การเติบโตเป็นผู้ใหญ่ การรับผิดชอบต่อส่วนรวม พร้อมทั้งแน่นอนมันทำให้เขาต้องจับอาวุธเพื่อฆ่าคนไม่เช่นนั้น แม้เขาไม่ลั่นไกกระสุนออกไป อีกหลายชีวิตในพรรคพวกของตัวเองก็อาจจะต้องพบจุดจบ พูดง่ายๆคือหนังทั้งเรื่องถูกนำเสนอพ้นสายตาของเขา ซึ่งกล่าวได้ว่ามันคือการก้าวทะลุพ้นวัยของตัวละคร

พร้อมทั้งตัวละครอีกหนึ่งตัวที่โดดเด่นไม่ปราชัยนักแสดงเลยก็คือรถถัง Fury ซึ่งผนังรถถังในหนังเรื่องนี้เรียกได้ว่าตอนที่เกิดเหตุการณ์สู้รบกับฝ่ายตรงข้ามนั้น การจู่โจมพร้อมกับการเคลื่อนที่ของตัวรถถังในเรื่องสมรรถสร้างความตื่นเต้นให้ผู้ชมลุ้นไปกับตัวละครพร้อมทั้งรถถัง Fury ได้อย่างนั่งแทบไม่ติดเก้าอี้เลยทีเดียว

ซึ่งอย่างไรก็ตามแม้ว่าพระเอกของเรื่องอย่างแบรด พิตต์ จะมีฝาผนังถอดเสื้อโชว์กล้ามเป็นอาหารตาในช่วงกลางเรื่องก็ตาม แต่นอกเหนือจากพลังดาราแล้ว หนังอย่าง Fury ก็ยังทำหน้าที่เป็นหนังสงครามฟอร์มกลางที่ไม่ได้ตั้งใจใส่ม่านบังตาสงครามชนิดยิงกันโครมครามหูดับตับไหม้ มันยังนำเสนอเรื่องราวที่ตัวละครจะต้องปลงใจพร้อมทั้งเโจษจันกเดิน แม้ว่าสุดท้ายแล้วโปรแกรมหนังจักไม่จบลงในสไตล์วีรบุรุษก็ตาม แต่หนังก็เโจษกที่จักนำเสนอว่าท้ายที่สุดแล้ว บางครั้งการเอื้ออาทรแก่เพื่อนมนุษย์ด้วยกัน อาจจะเป็นทางเดียวที่สงครามจักยุติลง

@พริตตี้ปลาสลิด

ให้คะแนน 3.5 คะแนนจาก 5 คะแนน

• 
  
• 
  
• 
  
• 
  
• 
  
• 
  
• 
  
• 
  
• 
  
•